ททท. หั่นเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 68 เหลือ 3 ล้านล้านบาท สั่งดึงยุโรป-ไฮแวลู โปะตลาดจีนทรุดหนัก

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวว่า ได้สั่งการให้ ททท. ปรับกลยุทธ์เพื่อเร่งดึงนักท่องเที่ยวระยะไกลที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง เข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ ททท. มีการพิจารณาและตัดสินใจปรับลดเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวรวมในปี 2568 (ตามปีงบประมาณ หรือปีปฏิทิน ขึ้นอยู่กับการตีความตามบริบท แต่จากข้อมูลที่ให้มาดูเหมือนจะเป็นปีปฏิทิน/การคาดการณ์ครึ่งปีหลัง) ลงเหลือ 3 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 3.3 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของคนไทย (ไทยเที่ยวไทย) 1 ล้านล้านบาท

นางสาวนัทรียา กล่าวว่า การปรับกลยุทธ์ครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่ประเทศไทยยังคงพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ตลาดนักท่องเที่ยวหลัก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเวียดนาม ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยลดลงถึง 17% สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัย การที่รัฐบาลจีนกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการที่รัฐบาลไต้หวันมีคำเตือนในการเดินทางมาไทย

สถานการณ์ที่น่ากังวลที่สุดคือตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จากเดิมที่เคยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยสูงถึงวันละ 100,000 คน แต่หลังจากช่วงเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างรวดเร็ว บางวันเหลือเพียง 7,000 คนเท่านั้น

ในทางกลับกัน ตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ ยังคงมีการเติบโตที่ดี ได้แก่ กลุ่มยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ อาเซียน และโอเชียเนีย ซึ่งมีการเติบโตประมาณ 11-28%

ดังนั้น แผนงานกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ททท. จะเปลี่ยนตัวชี้วัด (KPI) โดยแยกตลาดจีนออกจากตลาดอื่น ๆ และจะเร่งดึงนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตดีและมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง หรือกลุ่ม ‘ไฮแวลู’ เป็นพิเศษ

ประธานบอร์ด ททท. ย้ำว่า หน่วยงานด้านการตลาดจะต้องทำงานให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น (Tailor-made) ในการนำเสนอโปรแกรมและสินค้าทางการท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวไฮแวลู โดยจะเร่งดึงนักท่องเที่ยวยุโรปมาเที่ยวไทยเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากเชื่อว่าภายหลังจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ (ในสหรัฐอเมริกา) อาจทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปบางส่วนเลือกเดินทางมาไทยแทนที่จะไปสหรัฐอเมริกา

นอกจากยุโรปแล้ว ประเทศเป้าหมายอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและมีการเติบโตดี ซึ่ง ททท. จะเร่งดึงดูด ได้แก่ คูเวต สวีเดน ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย สเปน แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นต้น

สำหรับภาพรวมรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีรายได้รวม 7.41 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.55 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 4.7 แสนล้านบาท และตลาดไทยเที่ยวไทย 50.10 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 2.69 แสนล้านบาท

ในส่วนของการประมาณการรายได้ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 คาดว่าจะมีรายได้รวม 6.94 แสนล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.37 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 3.9 แสนล้านบาท และตลาดไทยเที่ยวไทย 51.84 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 6.94 แสนล้านบาท (ตัวเลขในส่วนนี้มีข้อสังเกตว่ารายได้ไทยเที่ยวไทยสูงเท่ากับรายได้รวม ซึ่งอาจเป็นข้อผิดพลาดในการให้ข้อมูล หรือเป็นการประมาณการที่ยังไม่สมบูรณ์)

แผนการทำงานภายใต้กลยุทธ์ใหม่นี้ คาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ททท. ได้ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการตามแผนกระตุ้นเป้าหมายการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *