ททท. ลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน เหตุห่วงความปลอดภัย-ข่าวลบ พร้อมเดินหน้าแผนฟื้นฟู 3.5 พันล้าน
ททท. ลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน เหตุห่วงความปลอดภัย-ข่าวลบ พร้อมเดินหน้าแผนฟื้นฟู 3.5 พันล้าน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงมีความกังวลด้านความปลอดภัยและได้รับอิทธิพลจากกระแสข่าวเชิงลบในโลกออนไลน์ ส่งผลให้ ททท. ต้องปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวจีนลง ขณะเดียวกันก็เร่งเดินหน้าแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว วงเงิน 3.5 พันล้านบาท พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Sawasdee Ni Hao” หวังเรียกความเชื่อมั่นและรักษาเป้าหมายนักท่องเที่ยวโดยรวมในปี 2568 ไว้ที่ 35.5 ล้านคน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยในปัจจุบัน คือ ความหวาดกลัว การขาดความเชื่อมั่น และกระแสข่าวเชิงลบที่ท่วมท้นในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อตลาดที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ตลาดนักท่องเที่ยวจีน
ผู้ว่าการ ททท. ยอมรับว่า ประเทศไทยไม่สามารถมองข้ามนักท่องเที่ยวจีนได้ หากไม่มีนักท่องเที่ยวจีน ประเทศไทยจะไม่สามารถรักษายอดรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ได้ตามเป้าหมาย
ปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปี 2568 นั้น ททท. ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 35.5 ล้านคน เท่ากับปี 2567 โดยคาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 10% จาก 1.67 ล้านล้านบาทในปี 2567 เป็น 1.83 ล้านล้านบาทในปี 2568 ส่วนตลาดในประเทศ ยังคงเป้าหมายจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยไว้ที่ 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท ทำให้รายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้รวมในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบหนักจากปัจจัยลบ ททท. ได้ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (worst-case scenario) ในปี 2568 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพียง 4 ล้านคน หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เพิ่มขึ้นอีก แต่หากสามารถสร้างเสถียรภาพและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.7 ล้านคน ซึ่งเท่ากับปี 2567 และจะช่วยรักษาโมเมนตัมของตลาดนี้ไว้ได้
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า “ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในขณะนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความกังวลด้านความปลอดภัยที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย นักท่องเที่ยวจีนเกิดความกลัวและลังเลที่จะเดินทาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำการตลาดเที่ยวบินเช่าเหมาลำของบริษัททัวร์ และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินปกติในที่สุด”
“ขณะนี้ เราจำเป็นต้องให้การสนับสนุนตลาดเที่ยวบินเช่าเหมาลำของจีน โดยเงื่อนไขแรกในการให้การสนับสนุนคือต้องมีการการันตีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (load factor) ที่อย่างน้อย 85%”
แผนฟื้นฟูวงเงิน 3.5 พันล้านบาท
ททท. เตรียมเสนอของบประมาณจากภาครัฐ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท เพื่อนำมาใช้ฟื้นฟูการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยงบประมาณส่วนนี้จะเป็น “Booster Shot” หรือตัวเร่งที่จะนำไปใช้ใน 3 โครงการหลักเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว ททท. ยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบันยังคงลดลง จึงเสนอจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อรักษากิจกรรมในตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ยังคงส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง
งบประมาณที่เสนอจะนำไปใช้ใน 3 โครงการดังนี้:
- โครงการร่วมจ่าย (Co-payment) สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ: เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น คล้ายโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”
- โครงการส่งเสริมการขายร่วมกับ Online Travel Agencies (OTAs): เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- โครงการส่งเสริมการขายร่วมกับสายการบินสำหรับตลาดจีน: เพื่อสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำและกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน
แคมเปญ Sawasdee Ni Hao
นอกเหนือจาก 3 โครงการข้างต้น ททท. จะเปิดตัวกิจกรรมการตลาดสำคัญภายใต้แคมเปญ “Sawasdee Ni Hao” ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยจะเชิญผู้ร่วมกิจกรรมชาวจีนจำนวน 500 คน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการบริษัททัวร์ 300 คน และสื่อมวลชน ตัวแทน Influencer (KOLs) 200 คน จากทุกมณฑลในประเทศจีน ให้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ในประเทศไทยด้วยตนเอง
คาดว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Mega Family Trip ครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับผู้ร่วมกิจกรรมชาวจีนโดยตรง ถึงมาตรการที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีน และฟื้นฟูความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและน่าท่องเที่ยว
“การแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ และต้องดำเนินการในระดับ G2G (government-to-government)” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว พร้อมเสริมว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีความตั้งใจที่จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนอย่างเป็นทางการ มาร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ในเดือนกรกฎาคมปีนี้
แผนงานเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามอย่างหนักของ ททท. และภาครัฐ ในการรับมือกับความท้าทายที่กำลังเผชิญ และฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย.