ความคืบหน้าคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ กรณีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ พร้อมพวกรวม 7 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเงินเศรษฐินีชาวไทย คือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ ‘เจ๊อ้อย’ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ศาลอาญา ได้มีการนัดตรวจพยานหลักฐานครั้งที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ อทย.109/2568 โดยศาลได้สั่งเบิกตัวนายษิทรา กับพวกรวม 4 คน ซึ่งปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ มาร่วมการพิจารณา ขณะที่จำเลยอีก 3 คน ซึ่งประกอบด้วยพี่สาวภรรยาของนายษิทรา และเจ้าหน้าที่โชว์รูมรถยนต์ 2 คน ได้รับการประกันตัวและเดินทางมาศาลตามนัด

บรรยากาศที่บริเวณหน้าห้องพิจารณาคดี 714 เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีผู้คนรู้จักเดินทางมารอเยี่ยมและพูดคุยทักทายนายษิทรา ซึ่งในวันนี้สังเกตเห็นว่านายษิทรามีสีหน้าท่าทางที่สดใสขึ้น ยิ้มแย้มพูดคุยกับผู้ที่มาให้กำลังใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพิจารณา ขณะเดียวกัน ฝ่ายของ น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ ก็มีทนายความเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาในนัดตรวจพยานหลักฐานครั้งนี้ด้วย

ภายหลังการตรวจพยานหลักฐาน ศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยาน โดยในระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้แถลงต่อศาลขอถอนคำให้การเดิม และให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องบางส่วน ในขณะที่ข้อหาอื่นที่เหลือยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้กระทำผิด ซึ่งศาลได้อนุญาตตามคำร้องขอ

ศาลได้พิจารณาถึงจำนวนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย และเห็นสมควรให้นัดสืบพยานโจทก์จำนวน 15 นัด และสืบพยานจำเลยจำนวน 4 นัด รวมคดีนี้จะมีการสืบพยานทั้งหมด 19 นัด ศาลได้เน้นย้ำว่าจะทำการพิจารณาคดีติดต่อกันโดยไม่เลื่อนคดี เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยเมื่อสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วมเสร็จสิ้นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการสืบพยานจำเลยต่อทันที พร้อมสั่งการให้คู่ความทั้งโจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลย เตรียมพยานหลักฐานมาให้พร้อมในวันนัด และให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด

สำหรับวันนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ศาลได้กำหนดเป็นวันที่ 4 มีนาคม 2569 เวลา 09.00 น. ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่กระบวนการไต่สวนพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างเป็นทางการ