ทนายตั้มชี้เหล็กไทยเสียเปรียบจีน ต้นทุนสูง-ภาษีไม่เท่ากัน หวั่นกระทบมาตรฐานความปลอดภัย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เม.ย.2568 นายเกรียงไกร อินทจันทร์ หรือ ทนายตั้ม ผู้บริหารบริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัดมหาชน ในฐานะผู้บริหารบริษัทเหล็กในประเทศไทย เผยถึงกรณีผลกระทบจากกลุ่มทุนจีนที่ทำให้ผู้ประกอบการเหล็กประเทศไทยเสียเปรียบทางการค้า และสาเหตุเหล็กจีนบางส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย เดิมทีจะผลิตเหล็กเองเพียงไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเหล็กมาจากต่างประเทศ โดยจะมีทั้งในส่วนของตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งแต่ละประเทศคุณภาพก็จะไม่เหมือนกัน ทั้งเนื้อเหล็ก แร่ที่นำมาผลิต รวมถึงกรรมวิธีในการผลิต
กรรมวิธีผลิตเหล็กมี 2 วิธีหลัก คือแบบเก่าที่เป็นการขึ้นแท่งเหล็ก นำมาวางไว้ให้เหล็กเย็นตัว ซึ่งเหล็กจะค่อยๆเย็นตัวและประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนอีกวิธีคือแบบ Tempcore ที่ใช้เวลาผลิตน้อยกว่า แต่ต้องผ่านมาตรฐาน มอก. ปัจจุบันนิยมใช้วิธี Tempcore มากกว่าเนื่องจากผลิตได้เร็ว
“เราสู้จีนไม่ได้ เนื่องจากนโยบายการค้าของจีนที่ส่งเสริมให้ผู้ผลิตส่งสินค้าออกนอกประเทศ รวมถึงการตั้งโรงงานในต่างประเทศ ทางรัฐบาลจีนจะส่งเสริมในเรื่องการลดหย่อนภาษี ในขณะที่สินค้าจีนหรือวัตถุดิบที่นำเข้าไทย จะมีสนธิสัญญาบางตัวที่ทำให้สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าปลอดภาษี” ทนายตั้มระบุ
นอกจากนี้ ทนายตั้มยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะในงานก่อสร้างตึกสูงที่ควรใช้เหล็กจากกรรมวิธีแบบเก่าเพราะมีความเหนียวและแน่นกว่า สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า
ท้ายที่สุด ทนายตั้มฝากถึงรัฐบาลให้พิจารณานโยบายภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้า พร้อมเตือนว่าหากไม่มีมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศอย่างจริงจัง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว