ไต้หวันเจรจาสหรัฐครั้งแรกหวังลดภาษีศุลกากร 32% พร้อมเสนอซื้อสินค้าเพิ่ม
รายงานข่าวจากรอยเตอร์เมื่อวันที่ 12 เมษายน เปิดเผยว่า ไต้หวันได้เริ่มการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทางการไต้หวันมองว่าไม่เป็นธรรม หลังถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มสูงถึง 32%
การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายนผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความหวังว่าจะได้หารือเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ ไต้หวันในฐานะผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกเตรียมยื่นข้อเสนอให้ลดภาษีศุลกากรเหลือ 0% พร้อมทั้งเสนอเพิ่มการซื้อสินค้าและการลงทุนในสหรัฐ

สำนักงานเจรจาการค้าไต้หวันเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ครอบคลุมประเด็นภาษีศุลกากร อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และการควบคุมการส่งออก “ทั้งสองฝ่ายหวังจะสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่ง” แม้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐจะยังไม่เปิดเผยความคืบหน้าก็ตาม
ไต้หวันพยายามทำข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน แม้ทั้งสองประเทศจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม โดยสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์หลักให้ไต้หวัน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากจีนที่มองว่ากระจายเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่

สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อจีนเพิ่มภาษีนำเข้าจากสหรัฐจาก 84% เป็น 125% เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าจีนของสหรัฐถึง 145% นักวิเคราะห์เตือนว่าสงครามการค้าอาจกระทบห่วงโซ่อุปทานโลกและเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย