Tag: อาคาร สตง.ถล่ม

นายกฯ อิ๊งค์ ยันใกล้ถึงเวลาออกหมายจับกรณีตึก สตง.ถล่ม เผยหลักฐานชี้ชัดมีผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ

วันที่ 18 เมษายน 2568 – นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลังประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำรัฐบาลไม่ปล่อยมือและเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในเร็ววัน จากการประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานสืบสวน ณ ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนถึงความผิดปกติหลายจุด ทั้งมาตรฐานวัสดุก่อสร้าง การแก้ไขแบบก่อสร้าง และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะการลดขนาดแกนกลางอาคาร (Core Wall) ที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญให้โครงสร้างไม่มั่นคง “เราได้รับรายงานว่ามีการใช้ปูนและเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

ชัชชาติ รายงานความคืบหน้าตึกถล่มให้นายกฯ ทราบ ยันให้ความร่วมมือเต็มที่กับทุกหน่วยงาน

วันที่ 18 เมษายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้ากรณีตึก สตง. ถล่ม พร้อมยืนยันว่ากรุงเทพมหานครให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ นายชัชชาติเปิดเผยหลังการเข้าพบว่า ได้รายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบ และได้รับคำถามเกี่ยวกับความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งตนได้แจ้งว่าไม่มีการติดขัดใดๆ เนื่องจากทุกหน่วยงานรวมถึงภาคเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องความร่วมมือกับตำรวจ โดยอธิบายว่าในช่วงสัปดาห์แรกอาจมีการสื่อสารที่ยังไม่คล่องตัวเนื่องจากต้องเร่งช่วยเหลือผู้ติดค้างในซากปรักหักพัง แต่ปัจจุบันทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว และมีหน่วยงานต่างๆ

ผช.ผบ.ตร. เผยอาจใช้เวลา 7 วัน เริ่มออกหมายจับคนผิด กรณีตึก สตง.ถล่ม ย้ำใครทำผิดต้องโดน

วันที่ 18 เม.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดควบคุมสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่ได้พบกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯกทม. ในวงประชุมชุดที่สอง เมื่อถามถึงการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จะมีจำนวนเท่าไหร่ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะออกหมายจับได้จำนวนเท่าไหร่ ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง แต่เท่าที่พูดคุย

นายกฯ เร่งตำรวจ-ดีเอสไอ ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเหตุตึก สตง.ถล่ม ยันไม่ปล่อยให้คดีเงียบ

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะเพื่อติดตามความคืบหน้าการสอบสวนกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้สั่งการให้ตำรวจและดีเอสไอเร่งรัดการสอบสวน โดยเฉพาะการรวบรวมหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบางส่วนยังให้ความร่วมมือล่าช้า ทั้งจาก สตง. กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมบัญชีกลาง “เรื่องนี้รอไม่ได้

DSI ค้นเครือข่ายบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ และ PKW ยึดเอกสารโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ถล่มจากแผ่นดินไหว

วันที่ 17 เมษายน 2568 – กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดย พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีฯ นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น 4 จุดเป้าหมายในเครือข่ายบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท

นายกฯ เตรียมประชุมรับรายงานตรวจสอบตึก สตง. ถล่ม 18 เมษายน ย้ำเร่งตลอดไม่ได้ปล่อยมือ

วันที่ 17 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบสาเหตุการถล่มของตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า มีการรายงานข้อมูลเข้ามาประปราย ตามแต่ละหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบ ตนได้สั่งการว่าให้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด คาดว่าจะมาประชุมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 18 เมษายนนี้ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เร่งอยู่ตลอด ไม่ได้ปล่อยมือไปไหน” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ พร้อมระบุว่าการประชุมในวันพรุ่งนี้จะเป็นการสรุปข้อมูลเบื้องต้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อนุทิน เผยผลสอบตึกถล่มพุ่งเป้า ‘ปล่องลิฟต์อสมมาตร’ เตรียมเอาผิดกรณีปลอมลายเซ็นวิศวกร

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2568 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญคือ การออกแบบปล่องลิฟต์ที่อสมมาตร ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของเหตุการณ์ดังกล่าว “จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่าปล่องลิฟต์ถูกออกแบบมาไม่สมมาตรกับตัวอาคาร เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจึงส่งผลให้เกิดแรงบิดและเฉือนที่โครงสร้าง” นายอนุทินระบุ พร้อมย้ำว่าคณะกรรมการกำลังคำนวณเชิงลึกเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน โดยจะต้องมั่นใจว่าไม่มีข้อสงสัยหรือโต้แย้งใดๆ เพราะเป็นเรื่องทางวิศวกรรมศาสตร์ล้วนๆ นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยถึง กรณีการปลอมลายเซ็นวิศวกร ซึ่งนายอนุทินแสดงความไม่สบายใจอย่างมาก “หากเป็นความจริงถือเป็นการละเมิดจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างร้ายแรง” พร้อมสั่งการให้เร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทันที

สตง. ถกหนัก! จัดซื้อโทรศัพท์บ้านอะนาล็อก 2,000 เครื่อง มูลค่า 13.6 ล้าน พร้อมสอบปมตึกถล่ม 30 เม.ย.

16 เม.ย. 68 – นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา นายฉลาด เปิดเผยว่า งบประมาณมากกว่า 2 พันล้านบาท สำหรับการก่อสร้างอาคาร สตง. มาจากเงินสะสมของหน่วยงาน

รองผู้ว่าฯ ทวิดาเผยความคืบหน้า กู้ซากตึกถล่ม สตง. ลดความสูงเหลือ 14 เมตร เร่งตัดเหล็ก-ฆ่าเชื้อก่อนระบายน้ำ

วันที่ 16 เม.ย.2568 เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการกู้ซากตึกสตง.ถล่ม ล่าสุดลดยอดซากตึกถล่มเหลือ 14 เมตร แล้ว โดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สามารถลดความสูงของซากตึกลงจากเดิม 16 เมตร เมื่อวานนี้ กระบวนการทำงานมีลักษณะทยอยหั่นความสูงออก เมื่อเอาชั้นปูนออกจะพบโครงเหล็กที่ถักกันเป็นแพ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังสูง โดยทีมงานจะใช้ถังออกซิเจนตัดเหล็กในพื้นที่มั่นคง และหยุดเครื่องจักรขณะปฏิบัติงาน แบ่งเป็น

กรุงเทพฯ เร่งกู้ซากตึกสตง.ถล่ม ลดความสูงเหลือ 14 เมตร เตรียมใช้ถังออกซิเจนตัดเหล็ก

กรุงเทพมหานครฯ – รองผู้ว่าฯ ทวิดา กมลเวชช แจ้งความคืบหน้าการกู้ซากและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า เจ้าหน้าที่สามารถลดยอดซากอาคารลงเหลือ 14 เมตรแล้ว โดยพบโครงสร้างเหล็กถักเป็นแพซ่อนใต้ชั้นปูน ทำให้การทำงานยากลำบาก รองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า จะปรับแผนใช้ถังออกซิเจนเข้าไปตัดเหล็กในพื้นที่มั่นคง โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 ช่วงเวลา คือ 04.00-07.00 น. และ 12.00-14.00

xee4.com อัพเดทข่าวสารรวดเร็ว ครบทุกประเด็น

BREAKING NEWS