Tag: ผู้สูญหาย

อัปเดตล่าสุด ตึก สตง. ถล่ม: กทม. เร่งกู้ซากเหลือ 12 เมตร ค้นหา 47 ชีวิตใต้ซากต่อเนื่อง ยอดผู้ประสบภัยรวม 103 ราย

รายงานความคืบหน้าล่าสุด (19 เม.ย. 2568) กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการกู้ซากและค้นหาผู้ประสบภัย นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถลดความสูงของยอดซากอาคารลงเหลือประมาณ 12 เมตรแล้ว โดยยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาร่างผู้ติดค้างอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับตัวเลขผู้ประสบภัยล่าสุด พบว่า มีผู้ประสบภัยรวมทั้งสิ้น 103 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 47

น้ำป่าซัดบ้านพังเกือบ 10 หลังที่ลำพูน สูญหาย 1 ราย ชาวบ้านเผย ‘เกิดมาไม่เคยเจอ’

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนของชาวบ้านและมีผู้สูญหาย เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงกลางดึกของวันที่ 13 เมษายน เมื่อทางสมาคมกู้ภัยร่วมใจลำพูน-จุดทาแม่ลอบได้รับแจ้งว่ามีน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ทำให้บ้านเรือนเสียหายเบื้องต้น 7 หลังคาเรือน และมีผู้สูญหาย 2 คน เจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลทาแม่ลอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายในบริเวณหมู่ 4 บ้านห้วยฮ่อมนอก แต่ต้องยุติการค้นหาในเวลาต่อมาเนื่องจากกระแสน้ำยังแรงและมีฝนตกต่อเนื่อง ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 14 เมษายน เจ้าหน้าที่สามารถค้นพบผู้สูญหายแล้ว

ชัชชาติ เผยไม่พบสัญญาณชีวิตจุดพบแสงไฟ คาดเป็นกระจกสะท้อน เร่งรื้อซากตึก สตง. กว่า 40%

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม นายชัชชาติเปิดเผยว่า การค้นหายังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พยายามเปิดพื้นที่ถึงจุดที่มีรายงานว่าพบแสงไฟ ขณะนี้ขุดลงไปลึกประมาณ 3 เมตรแล้ว แต่เมื่อนำสุนัขค้นหา (K9) และเครื่องสแกนเข้าไปตรวจสอบ ก็ไม่พบสัญญาณชีวิตหรือสิ่งของใดๆ

อาคาร สตง. ถล่ม พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ยอดรวมพุ่ง 32 ศพ เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาผู้สูญหาย 62 ราย

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายภายในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มว่า เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยพบจุดต้องสงสัยเพิ่มเติม 8 จุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดกี่ราย เนื่องจากบางจุดเป็นเพียงชิ้นส่วนร่างกาย จากการตรวจสอบด้วยกล้องเรดาร์และอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณชีพ เจ้าหน้าที่ยังไม่พบสัญญาณชีพใดๆ ในบริเวณที่พบแสงไฟกะพริบ ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ประสบภัยติดอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงอัดอากาศเข้าไปในโพรงเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อาจยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ การปฏิบัติงานยังคงพบอุปสรรคจากแผ่นปูนที่มีความหนาและน้ำหนักมากกว่า

พบร่างเพิ่มอีก 2 ร่างใต้ซากตึก สตง. เจ้าหน้าที่ยันคนละโซนกับจุดเห็นแสงโทรศัพท์ ยังมีความหวังพบผู้รอดชีวิต

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 เกิดเหตุการณ์ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังใหม่พังถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก การค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ยังคงมีความหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิต ขณะเดียวกันก็พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากอาคาร ได้ยืนยันว่าสามารถนำผู้สูญหายเคสสีดำออกมาได้ 1 ราย นับเป็นรายที่ 28 จากนั้นเวลา 01.10 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถนำผู้สูญหายซึ่งเป็นเคสสีดำอีกเช่นเดียวกันออกมาได้เพิ่มอีก

ทีมกู้ภัยเร่งเจาะโพรงอาคาร สตง.ถล่ม คาดพบสัญญาณชีพจากแสงมือถือในซากปรักหักพัง

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 11 เม.ย. 2568 ที่กองอำนวยการร่วม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยหลายหน่วยงาน แถลงความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายใต้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม ซึ่งเข้าสู่วันที่ 14 แล้ว นายชัชชาติเปิดเผยว่า มีการค้นพบสัญญาณน่าสนใจในโซน B โดยทีมกู้ภัยรายงานพบแสงจากวัตถุคล้ายโทรศัพท์มือถือ และวัตถุทรงกลมสีดำที่อาจเป็นศีรษะมนุษย์ ทีมงานพยายามสื่อสารด้วยการให้เคาะตอบแต่ไม่ได้รับเสียงตอบกลับ

ทีมกู้ภัยพบสัญญาณไฟใต้ซากตึก สตง. คาดอาจเป็นผู้รอดชีวิตในโซน B

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าภารกิจค้นหาผู้สูญหายภายในซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 14 แล้ว โดยล่าสุดทีมกู้ภัยพบสัญญาณไฟด้านล่าง ซึ่งคาดว่าอาจเป็นสัญญาณไฟขอความช่วยเหลือจากมือถือของผู้รอดชีวิตในพื้นที่โซน B เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิเพชรเกษมได้โพสต์คลิปวิดีโอการเข้าช่วยเหลือการค้นหาผู้สูญหาย พร้อมระบุว่าทีมกู้ภัยพบสัญญาณไฟด้านล่าง ลึกลงไปประมาณ 3 เมตร เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ผ่านมา และได้ยินเสียงปิดเปิดโทรศัพท์มือถือคล้ายเสียงโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง ทั้งนี้ ทีมกู้ภัยใช้กล้องเรดาร์ตรวจพบผู้ประสบภัย

เครนยักษ์ K1000 ใหญ่สุดในไทยร่วมค้นหาร่างผู้สูญหาย ตึกสตง.ถล่ม พบร่างเพิ่มคาดเป็นหญิง

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 9 เม.ย. 2568 นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือน้ายอด อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู รหัส นคร 45 เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า ทีมกู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้อีก 1 ราย จากโซนบี ซึ่งคาดว่าเป็นผู้หญิง หลังเครื่องจักรหนักเปิดทางเข้าถึงโพรงสำเร็จ นายอัญวุฒิระบุว่า เครื่องจักรหนักทำงานตั้งแต่เช้าเพื่อเปิดทางเข้าสู่โพรงเหนือโซนซีและบี

พบร่างผู้สูญหายเพิ่มในเหตุอาคาร สตง. ถล่ม เจ้าหน้าที่เผชิญอุปสรรคการกู้ภัยโซน B

ความคืบหน้าล่าสุดในภารกิจค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร หลังเกิดเหตุถล่มเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา โดยล่าสุดวันที่ 5 เมษายน ยอดผู้สูญหายอยู่ที่ 79 ราย ในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถขุดโพรงลึกลงไปในพื้นที่โซน B และเจาะผ่านไปยังโซน C และโซน D ได้สำเร็จ ซึ่งบริเวณดังกล่าวคาดว่าอาจมีผู้สูญหายจำนวนมากติดอยู่ เนื่องจากเป็นทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถและโถงลิฟต์ที่พนักงานใช้สัญจรเป็นประจำ เมื่อเวลา 16.30

ทีมกู้ภัยทะลวงโซน C ตึกถล่มลึกเพิ่ม 4 เมตร เผยเหลืออีก 1 เมตรถึงจุดคาดมีผู้ติดอยู่

วันที่ 4 เม.ย.2568 – ความคืบหน้าล่าสุดในภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มจากแผ่นดินไหว โดยทีมกู้ภัยสามารถทะลวงเข้าไปในโซน C ซึ่งเป็นด้านหลังตึกฝั่งขวา ได้ลึกขึ้นอีก 4 เมตร และคาดว่าจะเหลืออีกเพียง 1 เมตรเศษเพื่อถึงจุดที่อาจมีผู้ติดอยู่ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า การทำงานยังคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เนื่องจากพบอุปสรรคจากโครงสร้างอาคารที่พังทลายลงมาทับถมกันอย่างหนาแน่น ท่ามกลางบรรยากาศอันตรึงเครียด ญาติของผู้สูญหายยังคงเฝ้ารอคอยด้วยความหวังที่ศูนย์พักคอยฝั่งตรงข้ามพื้นที่เกิดเหตุ

xee4.com อัพเดทข่าวสารรวดเร็ว ครบทุกประเด็น

BREAKING NEWS