กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทวงถามความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 ที่มีประเด็นข้อสงสัยเรื่องการฮั้วจัดตั้ง พร้อมแสดงความไม่พอใจที่ กกต. ยังไม่มีการตอบสนองต่อจดหมายเปิดผนึก 10 ฉบับที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ และตั้งคำถามถึงความเที่ยงธรรมของผู้บริหาร กกต.

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่สำนักงาน กกต. กลุ่ม สว.สำรอง ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ที่ควรได้รับการคัดเลือกหากกระบวนการเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือและขอเข้าพบผู้บริหาร กกต. โดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า พวกเขาได้เคยยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธาน กกต. มาแล้วถึง 10 ฉบับ เพื่อสอบถามและติดตามการดำเนินการของ กกต. เกี่ยวกับการเลือก สว. ปี 2567 โดยฉบับล่าสุดยื่นไปเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทำให้ตัดสินใจเดินทางมาด้วยตนเองในวันนี้ (23 เม.ย.) เวลา 10.00 น. เพื่อขอเข้าพบ กกต. หรือผู้บริหารสำนักงาน กกต.

ประเด็นสำคัญที่ทางกลุ่ม สว.สำรอง ต้องการทวงถามและขอให้ กกต. ชี้แจง มีดังนี้:

1. ติดตามความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.อ.มนัส นครศรี ได้ร้องกล่าวโทษนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ห้ามการนำสมุด สว.3 ซึ่งเป็นโพยจัดตั้ง เข้าไปใช้ในการเลือก สว. ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยของ กกต. ที่ 5/2568 ลงวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่ทางกลุ่มเห็นว่าคำวินิจฉัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
2. ขอทราบผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของนายแสวง บุญมี ในรอบการประเมินที่ผ่านมา
3. ขอทราบผลการพิจารณาคำขอให้มีการหยุดการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง บุญมี ไว้เป็นการชั่วคราว
4. ติดตามการขอให้มีการเปิดหีบลงคะแนนในการเลือกระดับประเทศเพื่อตรวจสอบ

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ทางกลุ่มเรียกร้องมาตลอดคืออยากเห็น กกต. มีการปรับปรุงเรื่องการสื่อสารกับภาคประชาชน เพราะการไม่ได้รับคำตอบจากจดหมายถึง 10 ฉบับ แสดงให้เห็นถึงการขาดการสื่อสารที่ดี

ด้านนายตรีพล เจาะจิตต์ สว.สำรอง อีกท่านหนึ่ง กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ตนเดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อมาพบผู้บริหาร กกต. เพราะสังคมคาดหวังให้ กกต. จัดการเลือก สว. อย่างสุจริตเที่ยงธรรม แต่ในมุมมองของ สว.สำรอง กลับมองว่า กกต. ไม่ได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตนเองเลย พร้อมกล่าวว่า สว.สำรอง ที่เดินทางมาในวันนี้ แท้จริงแล้วคือผู้ที่มีศักยภาพเป็น สว. ตัวจริง หากการเลือกดำเนินไปอย่างอิสระ ส่วน สว. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน สื่อมวลชนก็น่าจะทราบดีว่าเป็นอย่างไร

นายตรีพล กล่าวต่อไปว่า การที่ กกต. ไม่ตอบจดหมายถึง 10 ฉบับ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า กกต. ทำงานเพื่อประชาชน หรือเพื่อใคร ถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกทั้งวันนี้ที่ตั้งใจมาพบผู้บริหาร กกต. แต่กลับไม่มีผู้บริหารออกมาพบ ทำให้ยิ่งสงสัยในความเที่ยงธรรมในจิตใจของผู้บริหาร กกต. พร้อมฝากให้ประชาชนลองพิจารณาว่า กกต. ชุดนี้ควรจะยังคงอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ และเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ ก่อนจะเสนอแนะว่าผู้บริหาร กกต. ควรพิจารณาตัวเองหากไม่สามารถทำหน้าที่ได้

หลังจากนั้น คณะ สว.สำรอง ได้เข้าพูดคุยหารือเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ในส่วนของงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงาน กกต. แทนการได้พบกับผู้บริหารระดับสูงตามที่ได้ร้องขอไว้