จับตา: สว.สีน้ำเงินต้าน ‘Entertainment Complex’ ผนวกปมคดี ‘ฮั้ว สว.’ ลุ้นชี้ชะตาก่อน?
ความเคลื่อนไหวในแวดวงการเมืองกำลังเป็นที่จับตา เมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะที่ถูกเรียกว่า “ขั้วสีน้ำเงิน” กำลังเดินหน้าตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ท่าทีนี้ดูเหมือนจะชัดเจนว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อขัดขวางร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นเมกะโปรเจ็กต์สำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งนี้มาจากสัญญาณที่ชัดเจนก่อนหน้านี้จากกลุ่มสีน้ำเงินในการประกาศไม่สนับสนุนการมีกาสิโนกลางสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว “ขั้วสีน้ำเงิน” กลุ่มนี้ยังกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ จากกรณีที่ถูกร้องเรียนเรื่อง “ฮั้วเลือก สว.” และขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังเร่งเดินหน้าสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเข้มข้น ความขัดแย้งจึงดูเหมือนจะลุกลามและพัวพันกันไปหลายกรณี
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สมาชิกวุฒิสภาในกลุ่มสีน้ำเงินจะต้องแสดงท่าทีต่อต้านร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ ระหว่างคดี “ฮั้ว สว.” ซึ่งใกล้จะถึงขั้นชี้ชะตาสถานะของ สว. จำนวนเกือบ 140 รายในสภาชุดนี้ กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรในวุฒิสภา อะไรจะมาถึงก่อนกัน?
แน่นอนว่า เหตุการณ์ที่รัฐบาลเดินหน้าในคดี “ฮั้ว สว.” ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรโดยตรง เนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการฮั้วเลือก สว. มีการยื่นร้องเรียนมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้ว
กระบวนการร้องเรียนเริ่มต้นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีความล่าช้า ก่อนที่จะมีการยื่นร้องเรียนในส่วนที่เป็นคดีอาญาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในภายหลัง
คดี “ฮั้ว สว.” ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับปมปัญหาร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาทีหลัง
แต่สิ่งที่กำลังเป็นข้อสงสัยในตอนนี้คือ ด้วยท่าทีที่สมาชิกวุฒิสภาบางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่แน่ใจว่าสมาชิกวุฒิสภาเหล่านี้ จะยังมีสถานะดำรงตำแหน่ง สว. อยู่จนถึงวันที่ต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นี้หรือไม่?
แม้ว่าคดี “ฮั้ว สว.” จะเป็นคนละเรื่องโดยตรงกับท่าทีขัดขวางร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และมีที่มาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน คดี “ฮั้ว สว.” ดูเหมือนจะใกล้ถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การสรุปสำนวนเพื่อแจ้งข้อหาและชี้ชะตา
ล่าสุด พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ระบุถึงกรอบเวลาของคดี “ฮั้ว สว.” ว่า น่าจะสามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องต่อศาลได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
หากดีเอสไอสามารถสรุปสำนวนและส่งฟ้องได้ภายในสิ้นเดือนนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าในช่วงเดือนหน้า เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล สว. ที่ถูกดำเนินคดี อาจต้องถึงขั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า มีสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในข่ายเกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วถึง 138 ราย และอยู่ในบัญชีสำรองอีก 2 ราย
หากมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จำนวนมาก อาจส่งผลให้ สว. เกือบทั้งยวงที่มาด้วยกระบวนการนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
ในกรณีเช่นนั้น หากสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกดำเนินคดีต้องสิ้นสภาพ ก็จะต้องมีการเลื่อนบุคคลจากบัญชีสำรองจำนวน 99 ราย ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
สมาชิกวุฒิสภาในบัญชีสำรอง 99 รายนั้น มีที่มาจากหลากหลายกลุ่ม และเป็นอิสระ ไม่ได้สังกัดขั้วสีใดสีหนึ่งโดยเฉพาะอีกต่อไป
ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่า สมาชิกวุฒิสภาส่วนที่แสดงท่าทีคัดค้านกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นี้ จะยังคงมีสถานะดำรงตำแหน่ง สว. อยู่ได้จนถึงวันที่ต้องพิจารณากฎหมายสำคัญฉบับนี้ในวุฒิสภาหรือไม่!
(บทวิเคราะห์โดย วงค์ ตาวัน)