กรุงเทพฯ – เจ้าหน้าที่ศุลกากรไทยประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประสบความสำเร็จในการจับกุมชายและหญิงชาวบราซิลสองราย ซึ่งพยายามลักลอบนำเข้าโคเคนจากทวีปอเมริกาใต้ ผ่านยุโรปมายังประเทศไทย โดยยาเสพติดดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 22.2 ล้านบาท หรือมากกว่า 680,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force – AITF) ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) หลังจากได้รับข้อมูลข่าวสารด้านการข่าวเกี่ยวกับผู้โดยสารสองราย ซึ่งเป็นหญิงชาวบราซิลวัย 26 ปี และชายชาวบราซิลวัย 27 ปี ที่ต้องสงสัยว่าจะลักลอบนำยาเสพติดผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย

ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนเดินทางมาจากสนามบินนานาชาติซัลวาดอร์ ประเทศบราซิล โดยมีการแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินปารีส ชาร์ลส์ เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส และมีประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายเฝ้าระวังได้สังเกตการณ์ที่สายพานลำเลียงกระเป๋าหมายเลข 18 สำหรับเที่ยวบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ และสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยชาวบราซิลที่ตรงกับข้อมูลข่าวสารได้ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามทั้งสองคนไปยังจุดตรวจศุลกากร ซึ่งทั้งคู่ได้เลือกเดินผ่านช่องเขียว (ช่องไม่มีของต้องสำแดง) เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง และนำกระเป๋าสัมภาระของผู้ต้องสงสัยผ่านเครื่องเอกซเรย์

จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอกซเรย์เบื้องต้น พบความผิดปกติที่น่าสงสัยในกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อชนิดอ่อนทั้งสองใบ เมื่อทำการตรวจสอบภายในอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบวัตถุที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษคาร์บอนสีดำซ่อนอยู่ตามผนังและพื้นกระเป๋า ภายในวัตถุเหล่านั้นเป็นพลาสติกใสบรรจุผงสีขาว เมื่อทำการทดสอบด้วยน้ำยา Cobalt Thiocyanate Reagent รหัส ONCB052 ยืนยันว่าเป็นสารโคเคน น้ำหนักรวม 7,400 กรัม หรือ 7.4 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 22,200,000 บาท

กรณีนี้ถือเป็นการนำเข้าและครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายยาเสพติด พระราชบัญญัติศุลกากร และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษกกรมศุลกากรกล่าวเสริมว่า ในปีงบประมาณ 2568 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 6 พฤษภาคม 2568) กรมศุลกากรได้มีการจับกุมคดียาเสพติดรวม 140 คดี คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 800.67 ล้านบาท

การจับกุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสกัดกั้นยาเสพติดข้ามชาติ ณ จุดผ่านแดนสำคัญของประเทศ