สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช แจงข่าวปลอม! ยัน ‘ไม่เคยมีพระดำรัสห้ามถวายปัจจัย’ เน้นย้ำทำตามหลักพระธรรมวินัย

กรุงเทพฯ – วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ออกประกาศชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัสของเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ตามที่มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยมีลักษณะแอบอ้างว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสในทำนองตำหนิหรือห้ามการถวายปัจจัยแด่พระภิกษุนั้น ทางสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้สาธารณชนรับทราบโดยทั่วกันว่า

เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษ (ตำหนิหรือดุด่าอย่างรุนแรง) ตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีรับสั่งกำชับมาโดยตลอดในเรื่องเกี่ยวกับการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค (สิ่งที่จำเป็นสำหรับพระภิกษุสามเณร) และการปวารณาเป็นอุปัฏฐาก (ผู้ดูแลอุปถัมภ์) พระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ (เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค) ว่า การกระทำดังกล่าวควรเป็นไปตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา (การแจ้งความจำนงในการให้การอุปถัมภ์อย่างชัดเจน) และการมีไวยาวัจกร (ผู้ทำกิจธุระแทนสงฆ์ หรือผู้จัดการเรื่องของวัด) เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ

สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชจึงขอให้สาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติมและบิดเบือนความจริงดังกล่าว และขอความร่วมมืออย่าได้ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ความแตกแยก หรือการตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท อันจะส่งผลเสียต่อความสามัคคีในสังคม

อนึ่ง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิต (ลายพระหัตถ์) ที่ สร. 15/2568 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ประทานพระปรารภ (ความเห็นหรือคำแนะนำ) ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ในพระลิขิตดังกล่าว ทรงมีพระประสงค์ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด (ทรัพย์สินของวัด) ให้มีความสมสมัย (ทันต่อเหตุการณ์) และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยยึดตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอต่อมหาเถรสมาคม (องค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย) เพื่อพิจารณากำหนดเป็นนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งขณะนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ดำเนินการสนองพระปรารภดังกล่าวแล้ว และจะเร่งรัดมอบถวายข้อมูลต่อมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *