นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศไทยไม่ควรเร่งร้อนเจรจาลดภาษีให้สหรัฐ โดยเปรียบเทียบว่าการรีบเจรจาในขณะนี้ เท่ากับเป็นการให้ของฟรีโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทน แนะนำให้เก็บกระสุนไว้ก่อน รอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรและพลังงานจากสหรัฐ

จากรายงานของเว็บไซต์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) ระบุว่าไม่มีประเทศใดที่สามารถเจรจากับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จหลังจากการประกาศขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งรวมถึงอินเดียและญี่ปุ่น ในส่วนของประเทศไทย นายศุภวุฒิเห็นว่า การเจรจาในเวลานี้ ย่อมไม่เป็นผลดีและอาจเสียเปรียบ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทย

ขณะเดียวกัน นายศุภวุฒิชี้ให้เห็นถึงแนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการเปลี่ยนโลกและสถานะของสหรัฐอเมริกา จากนโยบายภาษีศุลกากรที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา โดยสหรัฐจะเก็บภาษีจากทุกประเทศทั่วโลก

“เราต้องรู้เขารู้เรา ถ้ารีบไปเจรจาตามที่หลายฝ่ายแนะนำ ก็เท่ากับให้ของฟรีกับสหรัฐ เราควรเก็บกระสุนไว้ก่อน” นายศุภวุฒิกล่าว

นายศุภวุฒิยังวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่สหรัฐขึ้นภาษีไว้ว่า ส่วนหนึ่งเพื่อลดขาดดุลการค้า และใช้เงินจากการขึ้นภาษีไปโปะการขาดดุลงบประมาณอันเกิดจากการขยายอายุการลดภาษีให้คนรวยในสหรัฐ นอกจากนี้ยังต้องการให้มีการกลับไปตั้งโรงงานในอเมริกาเพื่อผลิตและใช้สินค้าเอง โดยแนวคิดหลัก คือ “ผลิตเอง ใช้เอง รวยเอง”

ในขณะที่ร่างนโยบายการเจรจาของไทย โดยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ศักยภาพของไทยคือความสามารถในการแปรรูปอาหารและส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งอเมริกาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีมาก เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกาเพิ่ม และแปรรูปให้เป็นอาหารขายทั่วโลก

นายศุภวุฒิยังกล่าวถึงการขอลดภาษีว่า นายทรัมป์เคยตอบสื่อมวลชนว่า ประเทศนั้นๆ ต้องมีข้อเสนอที่มหัศจรรย์ (Phenomenon Offer) ให้สหรัฐจึงจะพิจารณาลดภาษี ซึ่งไทยกำลังหาทางออกว่าจะอยู่กับในยุคของนายทรัมป์ได้อย่างไร

“ขั้นต่อไปคือดูท่าทีของนายทรัมป์ต่อไป เนื่องจากการประกาศขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน และการตอบโต้ของชาติต่างๆ ก็ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 2,200 จุด และยังอยู่ในทิศทางขาลง” นายศุภวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ นายศุภวุฒิยังกล่าวถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐว่า ไทยกำลังศึกษาพร้อมแสดงความสนใจ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้เป็นการที่ไทยพาดบันไดเอาไว้ หากวันไหนที่สหรัฐถอย เพราะว่าก็ขึ้นภาษีศุลกากรทำให้ประเทศเขาแย่เอง และถอยมาลงบันไดที่ไทยเราพาดไว้ได้

สำหรับนโยบายช่วยเหลือในระยะสั้น จากการขึ้นภาษีของสหรัฐนั้น จะมีการนำเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คาดว่ามีอยู่ราว 3 พันล้านบาทในการช่วยเหลือด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการด้านส่งออกของไทย ที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมเพื่อหาตลาดใหม่ รวมทั้งการสกัดการแอบอ้าง ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (certificate of origin) เพื่อลดการเกินดุลด้วย