สุดารัตน์ ชี้ 1 เดือน ตึก สตง. ถล่ม ภาพสะท้อน ‘ฝีเน่า’ ทุจริตเรื้อรังในไทย จี้ผู้นำสร้าง ‘การเมืองสุจริต’ หยุดโศกนาฏกรรม
สุดารัตน์ ชี้ 1 เดือน ตึก สตง. ถล่ม ภาพสะท้อน ‘ฝีเน่า’ ทุจริตเรื้อรังในไทย จี้ผู้นำสร้าง ‘การเมืองสุจริต’ หยุดโศกนาฏกรรม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมทรุดตัวและถล่มลงมา ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงภาพสะท้อนของปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น นั่นคือ ‘ฝีเน่า’ ของการทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกอยู่ทั่วทั้งระบบของประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างไปจนถึงนักการเมืองระดับสูง
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้ และย้ำว่าไม่มีใครควรต้องสังเวยชีวิตจากการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ พร้อมเน้นย้ำว่า เหตุการณ์นี้ต้องไม่เป็นเพียงแค่โศกนาฏกรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ควรถูกจารึกไว้เป็น #หมุดหมาย แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่สังคมไทยจะต้องร่วมกันทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยเฉพาะเมื่อรากเหง้าของปัญหามาจาก การทุจริต
การทุจริต: ตัวทำลายประเทศ
คุณหญิงสุดารัตน์ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังติดหล่มปัญหาการทุจริตมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็น อุปสรรคสำคัญที่สุด ที่ขัดขวางการเติบโตและความก้าวหน้าของประเทศ โดยอ้างอิงรายงานดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ประจำปี 2023 ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนเพียง 34 จากคะแนนเต็ม 100 และจัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก ซึ่งถือว่าต่ำกว่าหลายประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย (อันดับ 57) หรือเวียดนาม (อันดับ 77)
รูปแบบของการทุจริตในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลากหลายและกระจายตัวอยู่ในทุกระบบ ดังที่ปรากฏชัดเจน เช่น:
- การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ไม่โปร่งใส: มีรายงานจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ว่า ปัจจุบันมีการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของรัฐสูงถึง 20-30% ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งส่งผลให้ได้งานที่ไม่มีคุณภาพ หรือใช้งบประมาณสูงเกินจริง
- การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ: ข้าราชการบางส่วนใช้ตำแหน่งหน้าที่และข้อกฎหมายในการทุจริต รีดไถประชาชน สร้างความเดือดร้อนและไม่เป็นธรรม
- ทุจริตเชิงนโยบาย: การออกนโยบายหรือโครงการประชานิยม ซึ่งแม้จะอ้างว่าทำเพื่อประชาชน แต่กลับแฝงไปด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เช่น โครงการรับจำนำหรือประกันราคาสินค้าเกษตรที่ขาดการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่มีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เช่น โครงการเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
- ทุจริตเชิงอำนาจ: การใช้อำนาจหน้าที่เข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือองค์กรตรวจสอบการทุจริต เพื่อช่วยพวกพ้องหรือปกป้องการกระทำที่ผิดกฎหมาย
วงจรอุบาทว์ของการทุจริต
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุถึงต้นตอสำคัญของปัญหาทุจริตที่เชื่อมโยงกับการเมือง นั่นคือ การเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองด้วยวิธีการ ซื้อเสียง โดยชี้ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดน่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีการใช้เงินซื้อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพฤติกรรมการ ซื้อตัว สส. ด้วยผลประโยชน์มหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและตำแหน่งรัฐมนตรี จากนั้นจึงใช้ตำแหน่งดังกล่าว ถอนทุนคืน ผ่านงบประมาณของรัฐ โดยมีการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะในอัตราที่สูงลิ่ว และเงินเหล่านั้นบางส่วนถูกนำไปสะสมไว้เพื่อใช้ในการซื้อเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป กลายเป็น วงจรอุบาทว์ ที่ทำลายประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทางออก: สร้าง ‘การเมืองสุจริต’ เริ่มที่ผู้นำ
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยเน้นย้ำว่า ประเทศไทยจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างแท้จริง หากไม่ลงมือจัดการกับ ‘ฝีเน่า’ การทุจริต อย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ ‘ผู้นำ’ ในทุกระดับ โดยเฉพาะผู้นำประเทศ ต้องมี เจตจำนงทางการเมือง (Political Will) อย่างแน่วแน่และมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริต และต้องลงมือทำทันที ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการ สร้างการเมืองสุจริต ให้เกิดขึ้นจริง
การแก้ปัญหาทุจริตต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ผู้นำต้องกล้าที่จะสร้างระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและเป็นอิสระ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง และรายงานผลการดำเนินงานของภาครัฐทุกขั้นตอนให้สาธารณชนได้รับทราบในรูปแบบ Open Data อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของประชาชน พร้อมรับฟังและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐอย่างแท้จริง
คุณหญิงสุดารัตน์ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า ผู้นำประเทศในปัจจุบันได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการปัญหาทุจริตอย่างจริงจังหรือไม่ หากประเทศไทยมีผู้นำที่มีความกล้าหาญและตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาทุจริต จะนำมาซึ่งความเป็นธรรมสำหรับประชาชนทุกระดับ ประเทศก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
การสร้าง ‘การเมืองสุจริต’ ต้องเริ่มจากการยืนหยัดอย่างแน่วแน่ในการขจัดนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงเข้าสู่อำนาจ โดยประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการลงโทษนักการเมืองเหล่านี้ด้วยการ ไม่เลือกให้มาเป็นตัวแทนของเรา
ในตอนท้าย คุณหญิงสุดารัตน์ได้เชิญชวนประชาชนทุกคนมาร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ ที่เป็น ‘การเมืองสุจริต’ ซึ่งจะไม่เปิดช่องให้คนโกงอยู่เหนือกฎหมาย เพื่อเปิดทางให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และคืนอำนาจที่แท้จริงให้กับประชาชนในการร่วมกำหนดอนาคตของประเทศ พร้อมย้ำว่า เราต้องไม่ยอมให้ ‘ฝีเน่า’ ทุจริตนี้ ทำลายชีวิตและอนาคตของคนไทยอีกต่อไป.