สุจิตต์ วงษ์เทศ ยัน สุนทรภู่คือ ‘ปราชญ์รัตนโกสินทร์’ รู้ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ ‘อาลักษณ์ขี้เมา’ อย่างที่ท่องจำ
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ บริเวณทางเดินริมน้ำ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ชื่อดังในเครือมติชน ได้ร่วมถ่ายทำรายการ ‘ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว’ ตอนพิเศษในชื่อ ‘สุนทรภู่ รู้อิงลิช ปลุกแนวคิดชาตินิยมไทย’ ดำเนินรายการโดย นายเอกภัทร์ เชิดธรรมธร พิธีกรจากมติชนทีวี.
นายสุจิตต์ วงษ์เทศ ได้กล่าวเปิดประเด็นอย่างน่าสนใจ โดยชี้ว่า จุดที่ทำการถ่ายทำรายการนี้ อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในอดีตคือที่ตั้งของวังหลังในยุครัตนโกสินทร์ และบริเวณนี้เอง คือบ้านเกิดที่แท้จริงของสุนทรภู่ ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลที่จดจำกันมาในแบบเรียนว่าเกิดที่จังหวัดระยอง ท่านสุจิตต์ยืนยันว่า ข้อมูลเรื่องสถานที่เกิดของสุนทรภู่นั้น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่สุนทรภู่ได้เขียนเล่าชีวิตตนเองไว้ในผลงานสำคัญอย่าง ‘นิราศสุพรรณ’.
นอกจากประเด็นเรื่องบ้านเกิดแล้ว นายสุจิตต์ยังได้กล่าวถึงการเรียกสุนทรภู่ว่า ‘อาลักษณ์ขี้เมา’ ซึ่งเป็นภาพจำที่แพร่หลาย โดยท่านได้ตั้งคำถามอย่างหนักแน่นว่า หากสุนทรภู่มีพฤติกรรมมัวเมาจริง ย่อมไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมอันทรงคุณค่าและมีจำนวนมากมายเช่นนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ นายสุจิตต์จึงขอเรียกร้องให้สังคมและวงวิชาการเลิกใช้คำว่า ‘อาลักษณ์ขี้เมา’ ในการกล่าวถึงสุนทรภู่ แต่ควรให้เกียรติและยกย่องท่านในฐานะ ‘นักปราชญ์รัตนโกสินทร์’.
อีกประเด็นที่นายสุจิตต์ชี้ให้เห็นคือ เรื่องวันเดือนปีเกิดของสุนทรภู่ ซึ่งเชื่อกันว่าคือวันที่ 26 มิถุนายน และมีการจดจำสืบต่อกันมาเป็นเวลานานนั้น แท้จริงแล้ว ข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากการบันทึกของบิดามารดา หรือจากคำบอกเล่าของสุนทรภู่เองในวรรณกรรม แต่เป็นข้อมูลที่ได้จากการคำนวณโดยโหรในสมัยหลังจากที่สุนทรภู่เสียชีวิตไปนานแล้ว ท่านสุจิตต์สรุปว่า แท้จริงแล้ว ไม่มีใครทราบข้อมูลวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงของสุนทรภู่ ข้อมูลที่เราใช้กันอยู่เป็นเพียงเรื่องที่ ‘สมมติขึ้นทั้งสิ้น’ ตามการคำนวณของโหรในภายหลัง.
นายสุจิตต์ยังได้ขยายความถึงสถานะทางสังคมของสุนทรภู่ โดยยืนยันว่า สุนทรภู่ไม่ใช่ไพร่ แต่เป็น ‘ผู้ดี’ เนื่องจากได้เข้าเรียนที่วัดชีปะขาว ซึ่งท่านสุจิตต์ระบุว่าเป็นเสมือนโรงเรียนหลวงที่ตั้งอยู่ในบริเวณวังหลัง และเป็นสถานศึกษาสำหรับบุตรหลานของเจ้านายในวังเท่านั้น ลูกหลานของไพร่ไม่สามารถเข้าเรียนที่นี่ได้ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สุนทรภู่มีฐานะทางสังคมเป็นผู้ดี.
ในส่วนของชื่อตอนของรายการ ‘สุนทรภู่ รู้อิงลิช’ นั้น นายสุจิตต์ได้อธิบายว่า หมายถึง การที่สุนทรภู่มีความรู้ความเข้าใจในภาษาอังกฤษ โดยมีร่องรอยปรากฏอยู่ในวรรณคดีเรื่อง ‘พระอภัยมณี’ ตอนที่พระอภัยมณีพานางเงือกหนีนางผีเสื้อสมุทร ซึ่งมีบทกลอนที่กล่าวถึงการที่พระอภัยมณีได้หัดเรียนรู้ภาษาต่างๆ ทั้งภาษาของชาวฝรั่งและชาวจีนจาม ซึ่งรวมถึงภาษาอังกฤษด้วย.
นอกจากนี้ นายสุจิตต์ยังมองว่า วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีนั้นแฝงไว้ซึ่งแนวคิด ‘ต่อต้านการล่าอาณานิคม’ โดยเปรียบเทียบเหตุการณ์ในเรื่องที่เมืองผลึก ซึ่งปกครองโดยนางละเวงวัณฬา (เปรียบได้กับประเทศอังกฤษที่มีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นประมุข และนับถือศาสนาคริสต์) ถูกพระอภัยมณีตีลังกา (เอาชนะ) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศอังกฤษกำลังขยายอำนาจและล่าเมืองขึ้น โดยเฉพาะการที่ลังกาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแล้วในขณะนั้น นายสุจิตต์จึงเห็นว่า วรรณคดีเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับแนวคิดชาตินิยม ซึ่งท่านเชื่อว่าแนวคิดนี้เริ่มก่อตัวและฟักตัวขึ้นในสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 อย่างที่นักรัฐศาสตร์บางส่วนเคยกล่าวไว้.
การชี้แจงและตีความใหม่เกี่ยวกับชีวประวัติและผลงานของสุนทรภู่โดยนายสุจิตต์ วงษ์เทศ ในครั้งนี้ ถือเป็นการนำเสนอข้อมูลและมุมมองทางประวัติศาสตร์ วรรณคดี และสังคม ที่ท้าทายความเชื่อเดิมๆ และเปิดพื้นที่ให้กับการศึกษาทำความเข้าใจสุนทรภู่ในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น.