นครพนม, 28 เมษายน 2568 – ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดนครพนม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมและหารือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อเร่งผลักดันสินค้า Soft Power ของไทย โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายสุชาติ และคณะ ได้เข้าเยี่ยมชม บริษัท ข้าวคุณแม่ ฟู้ดแอนด์เบเวอร์เรจ จำกัด ณ อำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นผู้ผลิต แปรรูป และส่งออกสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะข้าวอินทรีย์ที่มีตลาดรองรับในฮ่องกงและสิงคโปร์ ผู้ประกอบการรายนี้ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับการผลิต ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูง มีตลาดรองรับและจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น

ผู้ประกอบการบริษัท ข้าวคุณแม่ ฟู้ดแอนด์เบเวอร์เรจ จำกัด ได้แจ้งความต้องการขยายตลาดส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งนายสุชาติได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันไทยได้ลงนามความตกลง FTA ไทย – EFTA (สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป) ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ และอยู่ระหว่างขั้นตอนภายในเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งประเทศในกลุ่ม EFTA มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจา FTA ไทย – EU คาดว่าจะสรุปผลได้ภายในปี 2568 ซึ่งจะเปิดโอกาสครั้งสำคัญให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาด 27 ประเทศในสหภาพยุโรป สร้างความได้เปรียบทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยบนเวทีโลก

นอกจากนี้ นายสุชาติยังได้ประชุมกับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ แบรนด์กะเลิงคราฟ ณ อำเภอนาแก ซึ่งผลิตและจำหน่ายสินค้าผ้าทอและผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยลวดลายการทอโบราณที่สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นกว่า 100 ปี และการย้อมสีธรรมชาติจากพืชสมุนไพรและไม้มงคล อาทิ ไม้ประดู่ ไม้สัก กันเกรา แก่นขนุน และดอกคำแสด กระบวนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปัจจุบัน

ผู้ประกอบการผ้าทอต้องการช่องทางการตลาดเพิ่มเติม นายสุชาติจึงได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันส่งเสริมการเข้าถึงตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าของดีประจำจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

นายสุชาติ ย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นผลักดันนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าท้องถิ่น ทั้งสินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ไทย ให้สามารถเติบโตเป็นผู้ส่งออกได้ ด้วยการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และงานวิจัยมาต่อยอดในกระบวนการผลิต ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่น และแรงงานฝีมือคนไทยเป็นจุดขาย ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการหาตลาดต่างประเทศรองรับ โดยเฉพาะประเทศที่ไทยมี FTA

กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการช่วยผู้ประกอบการขยายช่องทางตลาด ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ และเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ FTA ฉบับใหม่ๆ ในอนาคต เช่น สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และแคนาดา เพื่อนำพาแบรนด์สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างยั่งยืน