นักเรียน ม.ปลาย ร้องทนายรณณรงค์ ถูกหมอดูครอบงำ ลวงทำพิธีลามก 3 ปี สูญเงินกว่า 5 แสนบาท
นักเรียนชายชั้นมัธยมปลาย โรงเรียนชื่อดัง วัย 16 ปี เดินทางพร้อมมารดา เข้าขอความช่วยเหลือจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังตกเป็นเหยื่อหมอดูลวงทำพิธีกรรมต่อเนื่องนานกว่า 3 ปี แฝงกลวิธีการครอบงำจิตใจ นำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ และฉ้อโกงเงินไปกว่าครึ่งล้านบาท จนผู้เสียหายมีอาการเครียดขั้นรุนแรง
ผู้เสียหายเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อกว่า จุดเริ่มต้นมาจากการที่เพื่อนแนะนำให้รู้จักหมอดูคนดังกล่าวเมื่อช่วงต้นเทอม ม.2 ขณะนั้นตนเองกำลังประสบปัญหาความเครียดเรื่องความรัก การไปหาหมอดูครั้งแรกเสียเงินไป 5 พันบาท เพื่อทำพิธีที่เรียกว่า “เปิดรับพ่อปู่” และ “สร้างพระ” ซึ่งหมอดูได้ทักเรื่องความรักของตนที่ตรงกับความรู้สึกในขณะนั้น ทำให้เกิดความเชื่อถือและยอมทำพิธีรับ “องค์เทพญาน” ที่ร้านแห่งหนึ่งริมถนนพระราม 2
หลังจากนั้นความสัมพันธ์กับหมอดูก็สนิทสนมมากขึ้น มีการพูดคุยกันเกือบทุกวัน หมอดูเริ่มใช้กลวิธีครอบงำจิตใจ โดยมีครั้งหนึ่งได้นัดหมายให้ไปทำพิธีที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นพิธีเสริมดวง ต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและแปะทองคำเปลวตามร่างกาย รวมถึงของสงวน นอกจากนี้ หมอดูยังแนะนำให้เลิกคบผู้หญิงทุกคนที่คบหาอยู่ เมื่อผู้เสียหายได้เลิกกับแฟนเก่าและคบแฟนใหม่ กลับมีความรู้สึกเหมือนโดนของ จึงกลับไปปรึกษาหมอดู ซึ่งหมอดูกลับทักว่า “ชะตาขาดทั้งครอบครัว” และกล่าวหาว่าคนในบ้านแฟนใหม่เป็นผู้ทำของใส่
ความเสียหายไม่ได้มีเพียงเรื่องความรักและการล่วงละเมิด ผู้เสียหายยังระบุว่า หมอดูได้ชักชวนให้ทำธุรกิจ โดยแนะนำให้ออกเงินลงทุนเปิดร้านขายของในโรงเรียน อ้างว่า “ดวงช่วงนี้ดี ทำอะไรจะรุ่ง” แต่ท้ายที่สุดธุรกิจกลับขาดทุนย่อยยับ สูญเงินไปหลายหมื่นบาท จนถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าว
แม้จะขาดทุนหนัก หมอดูก็ยังคงเรียกเก็บเงินค่าทำพิธีอย่างต่อเนื่อง จนผู้เสียหายไม่มีทางเลือก ต้องนำโทรศัพท์มือถือไปจำนำได้เงินมา 30,000 บาท และตัดสินใจขายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) ที่เก็บเงินซื้อมาเพื่อใช้เล่นเกม เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าพิธี หมอดูเคยอ้างกับผู้เสียหายว่า รู้จักกับหลวงปู่ท่านหนึ่งในพระราชวัง และอ้างว่าเป็นผู้ลงของให้ผู้เสียหายโดยเฉพาะ
ยังมีพิธีกรรมอื่นๆ ที่น่าตกใจ เช่น การพาผู้เสียหายไปที่ “ตำหนักปู่” เพื่อสักยันต์น้ำมันกลางหลัง โดยไม่ได้แจ้งให้พ่อแม่ทราบ เมื่อถึงช่วงที่อ้างว่า “องค์ลง” หมอดูจะใช้คำพูดหยาบคายและเสียงแข็ง เช่น “กู-มึง” ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกเกรงกลัวและเชื่อฟังทุกอย่าง การทำพิธีวนเวียนเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 3 ปี ทำให้ผู้เสียหายสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากเกินกว่าครึ่งล้านบาท
ด้านมารดาของผู้เสียหายกล่าวว่า สังเกตเห็นความผิดปกติของลูกชายหลายอย่าง จนสุดท้ายได้ทราบความจริง ก็รู้สึกตกใจและเป็นห่วงอย่างมาก ได้พาลูกไปพบแพทย์เพื่อดูแลสภาพจิตใจ เกรงว่าลูกจะคิดสั้น พี่ชายจึงแนะนำให้มาปรึกษาทนายรณณรงค์ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาแค่ในครอบครัวตนเอง แต่เป็นปัญหาใหญ่ของสังคม
ขณะที่ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลทั้งหมด เห็นว่ากรณีนี้เข้าข่ายความผิดหลายมาตรา ได้แก่ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, พรากผู้เยาว์, กระทำอนาจารเด็ก, ละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก และอาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับจิตใจและร่างกายเยาวชน หากในขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายมีอายุยังไม่ถึง 15 ปี
ทนายรณณรงค์วางแผนว่าจะเดินทางไปพบหมอดูคนดังกล่าวด้วยตนเอง โดยจะลองดูดวงในราคา 300 บาท เพื่อทดสอบความแม่นยำ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอาจเลือกยื่นเรื่องที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากมีหน่วยงานเฉพาะทางที่ดูแลคดีเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะ
สุดท้าย ทนายรณณรงค์ได้ฝากคำเตือนถึงหมอดูคนดังกล่าวว่า “อย่าเพิ่งปิดตำหนัก อย่าเพิ่งย้ายบ้าน รอเจอกันก่อน” พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อเรื่องการดูดวง แต่การที่ให้คนทำพิธีแล้วเก็บเงินเป็นหมื่นๆ แถมยังให้แค่กะลาอันเดียว กลับมา มันคืออะไรกันแน่
ที่มา: รายการโหนกระแส