แม่ร่ำไห้คาใจ! ลูก ม.1 เสียชีวิต หลังถูกทำร้าย แต่ รพ.ระบุป่วยมะเร็งฯ ยันไม่เผาศพจนกว่า ตร.จับคนร้าย
ชุมพร – แม่ชาวเมียนมา ร้องขอความเป็นธรรมอย่างสุดซึ้ง หลังลูกชายวัย 13 ปี ชั้น ม.1 เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โดยเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ใบรับรองการตายจากโรงพยาบาลกลับระบุสาเหตุว่ามาจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก พร้อมยืนยันจะยังไม่ประกอบพิธีฌาปนกิจศพลูกชาย จนกว่าตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ที่ทำร้ายลูกได้
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.โอ อายุ 50 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งอาศัยอยู่กับสามีชาวไทยที่เสียชีวิตไปแล้วในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร น.ส.โอ เปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายเพียงคนเดียว คือ น้องจอม อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1
น.ส.โอ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 น้องจอมได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหาเพื่อน และกลับเข้ามาในสภาพร่างกายมีรอยเขียวช้ำตามลำตัวและบริเวณหลัง เมื่อสอบถาม ลูกชายปฏิเสธและอ้างว่าเกิดจากการล้มรถจักรยานยนต์ แต่ต่อมาในวันที่ 5 มีนาคม น้องจอมเริ่มมีอาการไข้สูง ขอบตาบวมเขียวช้ำอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งวันที่ 7 มีนาคม อาการทรุดหนัก ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ และมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อถูกสัมผัสตัว จึงตัดสินใจให้ชาวบ้านช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล
เมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้สอบถามถึงร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย แต่ด้วยอาการที่หนักขึ้น ในวันที่ 8 มีนาคม แพทย์จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากอาการของน้องจอมทรุดลงอย่างรวดเร็ว มีเลือดออกทางปากและจมูกเป็นจำนวนมาก แพทย์ได้แจ้งกับ น.ส.โอ ว่าอาการของน้องจอมวิกฤต ภายในร่างกายช้ำมาก และให้ทำใจ เตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
สุดท้าย น้องจอมก็เสียชีวิตลงในเวลาประมาณ 20.25 น. ของวันที่ 11 มีนาคม 2568 แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวต้องตกอยู่ในความสับสนและคาใจอย่างที่สุด คือ หนังสือรับรองการตายที่แพทย์ออกให้ ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า มาจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
น.ส.โอ ยืนยันว่า ตนเองและญาติทุกคนไม่เชื่อในสาเหตุการตายที่ระบุนี้อย่างสิ้นเชิง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องจอมเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เคยมีอาการป่วยหนัก หรือมีประวัติเกี่ยวกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเลยแม้แต่น้อย ครอบครัวเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่า การเสียชีวิตของน้องจอมมีต้นเหตุมาจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และอาการบาดเจ็บภายในที่แพทย์เคยแจ้งให้ทราบ
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย น.ส.โอ และครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะยังไม่เผาศพน้องจอม โดยนำร่างเก็บรักษาไว้ในโลงเย็นที่ร้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าวันละ 500 บาท จนถึงวันที่ผู้สื่อข่าวเข้าพบ เป็นเวลารวม 49 วันแล้ว น.ส.โอ กล่าวว่า แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ก็ยอม เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมกลุ่มคนที่ทำร้ายลูกชายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ เพื่อไม่ให้ลูกชายต้องตายฟรี
ด้าน ร.ต.ท.หญิงเพ็ญจันทร์ ญาติฝ่ายสามีของ น.ส.โอ กล่าวเสริมว่า หากน้องจอมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริงตามที่โรงพยาบาลระบุ ทางครอบครัวก็พร้อมที่จะยอมรับในส่วนนั้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ น้องจอมถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงก่อนที่จะมีอาการป่วยและเสียชีวิต ซึ่งทาง น.ส.โอ ก็ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ คดียังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทางครอบครัวเกรงว่า คนร้ายจะลอยนวลพ้นผิดไปโดยไม่ต้องรับโทษ จึงขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดการสืบสวนสอบสวน เพื่อหาตัวกลุ่มบุคคลที่ทำร้ายน้องจอมมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและครอบครัว