กรุงเทพฯ – หญิงคนงานก่อสร้างผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ตึกอาคารสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจและนาทีชีวิตขณะเกิดเหตุ พร้อมทั้งแสดงความรู้สึกคิดถึงสามีที่ยังคงสูญหาย และสะท้อนปัญหาการเยียวยาช่วยเหลือที่ไม่เพียงพอ

เธอกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ สามีของเธอทำงานอยู่บริเวณชั้น 4 ของอาคาร ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ ตนได้บอกสามีว่าจะลงไปที่ชั้น 1 เพื่อตัดเหล็ก ขณะที่กำลังใช้ลิฟต์ลงมาถึงชั้น 1 นั้น ลิฟต์ได้เกิดการสั่นอย่างรุนแรงในตอนแรก ตนยังไม่ได้คิดว่าเป็นแผ่นดินไหว

จากนั้นไม่นาน ได้ยินเสียงดังผิดปกติ คิดว่าเป็นท่อหรือสิ่งของหล่นลงมา ต่อมาได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมีเม็ดหินเม็ดทรายร่วงลงมากระจายไปทั่ว บริเวณที่ทำงานเหล็กและระบบต่างๆ คนงานต่างตะโกนบอกให้วิ่งหนี

เธอเล่าต่อว่า ตนเองได้วิ่งออกไปตามเด็กๆ และได้ล้มลงบริเวณประตูใหญ่ของอาคาร เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตึกได้ถล่มลงมาทันที ทำให้เกิดฝุ่นควันหนาทึบมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ เมื่อฝุ่นเริ่มจางลง จึงพบว่าอาคารทั้งหลังได้ถล่มลงมาทั้งหมดแล้ว

ภายหลังเหตุการณ์ เธอกล่าวว่า การช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานต่างๆ ยังไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในขณะนี้ มีเพียงเงินช่วยเหลือจากผู้มีจิตกุศลชาวจีนจำนวน 3,000 บาท ซึ่งใช้หมดไปอย่างรวดเร็วภายใน 4 วัน เนื่องจากต้องใช้เป็นค่าเดินทางไปกลับจากแคมป์คนงานย่านดอนเมืองมายังพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 300-400 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร

หญิงคนงานผู้นี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือมากกว่านี้ เนื่องจากตนเองยังไม่สามารถกลับไปทำงานได้ แม้ทางบริษัทจะเสนอให้ทำงาน แต่สภาพจิตใจและร่างกายยังไม่พร้อม

ล่าสุด ได้มีการจัดพิธีทำบุญให้กับผู้เสียชีวิตและผู้ที่ยังสูญหายจากเหตุการณ์นี้ เธอกล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกคนที่จากไป ขอให้ทุกคนไปสู่ภพภูมิที่ดี

แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ในใจและทำให้เธอร่ำไห้คือความรู้สึกคิดถึงสามีมากๆ เธอยังคงเฝ้ารอและหวังให้สามีกลับบ้านโดยเร็ว อยากกลับบ้านพร้อมกัน เพราะญาติพี่น้องทางบ้านก็กำลังรอคอยการกลับมาของทั้งคู่อยู่

ท้ายที่สุด เธอได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือเธอในวันเกิดเหตุ แม้จะไม่มีสิ่งของใดๆ ตอบแทน แต่มีเพียงกำลังใจและคำขอบคุณจากใจจริงให้กับทุกๆ คน