กรุงเทพมหานคร, 2 พฤษภาคม 2568 – ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ที่บริเวณกองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ เมื่อเวลา 10.30 น. นายสุริยชัย ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (ผอ.สปภ.กทม.) ได้แถลงถึงผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ

นายสุริยชัย เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการเปิดพื้นที่ค้นหาในจุดบันไดหนีไฟ โซน D ตลอดทั้งวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะมีผู้ประสบภัยจำนวนมากติดอยู่ เจ้าหน้าที่สามารถค้นพบร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์รวมทั้งสิ้น 41 รายการ ในจำนวนนี้ได้รับการยืนยันเบื้องต้นจากแพทย์ว่าเป็นร่างผู้เสียชีวิตสมบูรณ์ 13 ร่าง และเป็นรายการชิ้นส่วนมนุษย์ขนาดใหญ่ที่แพทย์ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 2 รายการ ส่วนที่เหลือเป็นชิ้นส่วนอวัยวะขนาดเล็กต่างๆ

สำหรับแผนปฏิบัติการในวันนี้ (2 พฤษภาคม) ทีมกู้ภัยยังคงมุ่งเน้นการเปิดพื้นที่ในโซน D2 ซึ่งเชื่อมต่อกับโซน C และบริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารสำนักงาน สตง. กับอาคารจอดรถในโซน C โดยพื้นที่เหล่านี้ยังคงเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ยังเข้าไม่ถึงชั้นใต้ดินของอาคาร ซึ่งมีความลึกจากพื้นดินถึงชั้นดินด้านบนประมาณ 4 เมตร ขณะที่ทางเดินชั้น 3 ของซากอาคาร สตง. เดิมนั้น ปัจจุบันอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินราว 2-3 เมตร และทีมกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้มีการเพิ่มเครื่องจักรกลหนักและกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อเร่งขุดรื้อสิ่งกีดขวางให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าเมื่อสามารถเข้าถึงบริเวณนี้ได้ น่าจะพบผู้ประสบภัยที่ยังสูญหายอีกหลายราย นอกจากนี้ ในวันนี้ยังได้เปิดพื้นที่โถงหน้าลิฟต์บริเวณโซน A-D เพิ่มเติมอีกจุดหนึ่ง หากการปฏิบัติเป็นไปตามแผนที่วางไว้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะพบร่างผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นภายในคืนนี้

ผอ.สปภ.กทม. กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลการยุบตัวของอาคาร จุดที่กำลังปฏิบัติการค้นหาอยู่ในปัจจุบันเทียบได้กับบริเวณชั้น 4-5 ของอาคารสำนักงานเดิม และร่างผู้เสียชีวิตที่พบส่วนใหญ่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นพนักงานของบริษัท เอสเอ คอนสตรัคชั่น 2008 จำกัด ซึ่งมีข้อมูลว่าทำงานอยู่ในบริเวณชั้น 3-4 ก่อนเกิดเหตุการณ์ ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของทีมผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้านี้

ในส่วนของจำนวนผู้ประสบภัยอย่างเป็นทางการ นายสุริยชัย ยืนยันว่าตัวเลขยังคงยืนตามยอดที่พนักงานสอบสวนแจ้งความไว้ที่ 103 คน และจะมีการปรับปรุงตัวเลขก็ต่อเมื่อได้รับการยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการจากพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการรวบรวมและยืนยันจำนวนผู้ประสบภัยที่ถูกต้อง แม้ว่ายอดการพิสูจน์อัตลักษณ์จากสถาบันนิติเวชฯ จะเพิ่มขึ้นก็ตาม

นายสุริยชัย ยังกล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยซากอาคาร สตง. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้น ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จะประกาศคืนพื้นที่ให้กับโครงการก่อสร้างและผู้ประกอบการโดยรอบต่อไป

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเก็บหลักฐานเพื่อการสอบสวนเหตุการณ์ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กรมโยธาธิการและผังเมือง, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ร่วมกันลงพื้นที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 11.00 น. เพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญจากโครงสร้างอาคารชั้นใต้ดิน เช่น เสาปูน ปล่องลิฟต์ และผนังลิฟต์ โดยใช้วิธีการเจาะคอริ่งเก็บตัวอย่างปูนและเหล็กเพื่อนำไปตรวจสอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ ปภ. ก็ทำการรื้อถอนซากอาคารบริเวณใกล้เคียงควบคู่กันไปเพื่อให้การทำงานของทีมสอบสวนสะดวกขึ้น

รายงานจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 11.30 น. ได้สรุปผลการปฏิบัติงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายกรณีอาคาร สตง. ถล่ม (ซึ่งระบุว่าเกิดจากเหตุแผ่นดินไหวในรายงานฉบับนี้) นับตั้งแต่วันแรกจนถึงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ได้รับร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์เข้าสู่ระบบการตรวจพิสูจน์ทั้งหมด 68 รายการที่เป็นร่างสมบูรณ์ และ 237 ชิ้นส่วนอวัยวะ

ขณะนี้สามารถตรวจพิสูจน์ยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิตได้แล้วรวม 74 ราย แบ่งเป็นร่างสมบูรณ์ที่ยืนยันได้ 68 ราย และชิ้นส่วนอวัยวะที่ตรวจพิสูจน์แล้วตรงกับผู้เสียชีวิต 6 ราย ในส่วนของการเก็บข้อมูล DNA จากญาติผู้สูญหายเพื่อใช้ยืนยันอัตลักษณ์บุคคล ได้ดำเนินการจัดเก็บไปแล้ว 99 ราย และนำไปเปรียบเทียบพิสูจน์ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตได้แล้ว 58 ราย โดยสามารถส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลได้แล้ว 43 ราย

ด้าน พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ล่าสุดมีผู้มาแจ้งความว่ามีผู้สูญหายจากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เพิ่มเติมอีก 4 ราย เป็นบุคคลสัญชาติไทย 2 ราย และสัญชาติเมียนมา 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้สูญหายในเหตุการณ์นี้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้รับการยืนยันเบื้องต้นว่ามีการพบศพชาวเมียนมา 1 ใน 4 รายที่เพิ่งมีการแจ้งความไว้ ในซากอาคาร สตง. โดยยังคงต้องรอการสรุปผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง