ร้อน! “สป.สายไหม” ส่งทนายเลื่อนพบตำรวจ ปมเว็บพนัน ผบช.สอท. ย้ำ! หากรอบหน้าไม่มาเจอ ออกหมายจับแน่
กรุงเทพฯ – ความคืบหน้ากรณีที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ออกหมายเรียก “สป.สายไหม” ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักชวนให้เล่นการพนันออนไลน์
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ บช.สอท. ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแล้วว่า ทาง “สป.สายไหม” ได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัว เป็นผู้ประสานงานขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปก่อน
สำหรับการขอเลื่อนเข้าพบในครั้งนี้ ทนายความของ “สป.สายไหม” ได้ให้เหตุผลว่า ติดธุระส่วนตัว ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาตามกำหนดนัดเดิมได้ โดยได้มีการขอเลื่อนนัดหมายออกไปเป็นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. แทน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้กล่าวเน้นย้ำถึงท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีนี้ว่า การออกหมายเรียกในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หากทาง “สป.สายไหม” ยังคงไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดนัดใหม่ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับทันที ในข้อหา “ชักชวนให้มีการเล่นการพนัน” ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้บัญชาการ บช.สอท. ยังได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินคดีต่อไปว่า หาก “สป.สายไหม” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดนัดใหม่ และให้การรับสารภาพ ก็จะดำเนินการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลแขวงทันที แต่หากให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ก็จะต้องดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติม รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับคดีนี้ ตำรวจได้รับข้อมูลและเบาะแสมาจากอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งถือเป็นช่องทางหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนตามหน้าที่ เนื่องจากในปัจจุบัน อาชญากรรมทางไซเบอร์มีรูปแบบที่หลากหลายและซับซ้อน อีกทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ก็อาจมีไม่เพียงพอในการติดตามตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด การได้รับเบาะแสจากภาคประชาชน หรือผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้เร็วขึ้น และยืนยันว่าเมื่อพบการกระทำความผิดแล้ว ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใครก็ตาม
ทั้งนี้ ในส่วนของมูลเหตุหรือแรงจูงใจเบื้องหลังเรื่องราวดังกล่าว จะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ได้ถูกนำมาเป็นประเด็นหลักในการดำเนินคดีในครั้งนี้ แต่ตำรวจมุ่งเน้นไปที่การกระทำความผิดตามกฎหมาย และจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาด.