ไฟใต้ปะทุอีกครั้ง! เหยื่อผู้บริสุทธิ์จุดกระแสกดดัน ‘ทักษิณ-อันวาร์’ จับมือ สู่ความหวังแห่งสันติภาพ

สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังเกิดเหตุรุนแรงที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างอุกอาจ เหตุการณ์ล่าสุดสร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายมีทั้งเด็กผู้หญิง ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง

ความโหดร้ายของการกระทำครั้งนี้ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องจากทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนทั่วไป ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น และนำสันติภาพที่ยั่งยืนกลับคืนสู่พื้นที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

เสียงประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ดังกระหึ่ม สะท้อนให้เห็นว่า การกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยิ่งทำให้พวกเขาต้องสูญเสียมวลชนและฐานสนับสนุนในพื้นที่อย่างหนัก ประชาชนส่วนใหญ่ต่างต้องการเห็นความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

สำหรับรัฐบาลไทย ความท้าทายเฉพาะหน้าคือการเร่งติดตามจับกุมผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ล่าสุดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ว่ารัฐมีมาตรการที่เข้มแข็งในการรักษาความปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ในระยะยาว จำเป็นต้องเร่งรัดกระบวนการพูดคุยสันติสุขกับแกนนำขบวนการต่างๆ เพื่อหาทางออกทางการเมืองและยุติความขัดแย้งอย่างแท้จริงและถึงรากถึงโคน การใช้กำลังเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ ก็เริ่มมีสัญญาณแห่งความหวังปรากฏขึ้น เมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ได้แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ให้เป็นที่ปรึกษาด้านสันติภาพ

การแต่งตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เนื่องจากทั้งนายอันวาร์และนายทักษิณต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพ ทั้งในสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นภารกิจที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

การที่ผู้นำระดับสูงของมาเลเซียจับมือกับฝ่ายไทยอย่างหนักแน่น โดยเฉพาะผ่านบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีสายสัมพันธ์และความเข้าใจในบริบททางการเมืองไทยเป็นอย่างดี ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้การแก้ปัญหาไฟใต้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

เหตุผลสำคัญที่ความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการแก้ปัญหาไฟใต้ คือข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจำนวนไม่น้อยมีการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศ หากทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจังในการควบคุมและสกัดกั้นการเคลื่อนไหวข้ามแดนนี้ เชื่อว่าจะสามารถจำกัดขอบเขตการปฏิบัติการของกลุ่มเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา กลุ่มก่อเหตุรุนแรงมักอาศัยพื้นที่บางส่วนของประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่พักพิง หลบซ่อน หรือแม้แต่เป็นฐานในการฝึกฝน หากรัฐบาลมาเลเซียให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยอย่างหนักแน่นจริง เชื่อว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป ผู้ก่อเหตุจะไม่สามารถใช้พื้นที่เพื่อนบ้านเป็นหลังพิงได้ง่ายดายอีกต่อไป ซึ่งจะบีบให้พวกเขาต้องพิจารณาทางเลือกอื่น และนำไปสู่การยอมรับแนวทางการพูดคุยเจรจาเพื่อสันติภาพในที่สุด

สถานการณ์ความรุนแรงล่าสุดที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มเปราะบางอย่างเด็ก คนชรา และผู้พิการ ยิ่งตอกย้ำความเร่งด่วนของปัญหา และเชื่อว่านายทักษิณและนายอันวาร์ คงจะไม่นิ่งนอนใจ และน่าจะเริ่มประสานงานเพื่อคลี่คลายปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใต้ก็จำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อลดระดับความรุนแรงให้ได้ในเฉพาะหน้า ทั้งการเพิ่มมาตรการด่านตรวจตรา การสืบสวนสอบสวนเพื่อป้องกันเหตุ และการเร่งดำเนินงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อดึงมวลชนในพื้นที่ให้กลับมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐ

ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องมีความละเอียดอ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่รุนแรงเกินความจำเป็น เพราะหากเกิดสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้กันเมื่อใด วงจรแห่งความแค้นและการแก้แค้นก็มักจะหมุนวนอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้สันติภาพยิ่งห่างไกลออกไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *