สว. สรชาติ เตือน ‘หมอวี’ ประธาน กมธ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ไร้อำนาจเรียก ครม.ชี้แจง ระวังผิดข้อบังคับ

กรุงเทพฯ, 25 เมษายน 2568 – ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากรัฐสภา เมื่อ นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม ส.ว. ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา ได้ออกมาแสดงความเห็นและเตือนไปยัง นพ. วีระพันธุ์ สุวรรณามัย ส.ว. ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการชุดเดียวกัน เกี่ยวกับแนวคิดที่จะเชิญคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาชี้แจงรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจร

นายสรชาติ กล่าวอย่างชัดเจนว่า การที่ประธานกรรมาธิการจะเชิญ ครม. เข้ามาชี้แจงนั้น ไม่ได้เป็นมติของการประชุมกรรมาธิการแต่อย่างใด และสำคัญที่สุดคือการกระทำดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการ ‘ก้าวก่ายงานบริหาร’ ของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา

ส.ว. สรชาติ ระบุว่า กรรมาธิการหลายท่านที่เป็นนักวิชาการก็รับทราบถึงข้อจำกัดด้านอำนาจนี้ แต่ไม่ต้องการแสดงความเห็น ตนจึงขอเตือนในฐานะนักการเมืองที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเตือนไปยังนักการเมืองรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการ

"ตามที่หมอวี ไปก้าวก่ายจะเรียกคนนั้นคนนี้มาชี้แจง ไม่ใช่มติของที่ประชุมกมธ. แต่เป็นความเห็นส่วนตัว ถ้าโดนเรื่องการก้าวก่ายงานบริหาร ให้หมอวีโดนคนเดียว และคนที่สองที่โดนคือ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพราะเป็นคนส่งหมอวีมาเป็นประธานกมธ. โดยไม่ดูข้อบังคับของวุฒิสภา" นายสรชาติ กล่าวเน้นย้ำ

นายสรชาติ ได้แนะนำตรงๆ ไปยัง นพ. วีระพันธุ์ ให้กลับไปศึกษาข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 38 ซึ่งเป็นข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการตั้งญัตติเพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ รวมถึงการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ขึ้นมา โดยระบุว่า ญัตติของ นพ. วีระพันธุ์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว รวมถึงญัตติของ น.ส. นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ในเรื่องการทำประชามติ ก็ได้ผ่านการรับฟังจากวุฒิสภาและถูกส่งต่อไปยังฝ่ายบริหารเพื่อดำเนินการพิจารณาแล้ว

ส.ว. สรชาติ ย้ำอีกครั้งว่า การประชุมกรรมาธิการในนัดแรกที่ผ่านมา เป็นเพียงการเสวนาเพื่อกำหนดกรอบการทำงานและแนวทางการศึกษาเท่านั้น ยังไม่ได้มีมติหรืออำนาจในการเชิญบุคคลจากฝ่ายบริหารเข้ามาชี้แจงแต่อย่างใด

"ฝากไปยังประธานวุฒิสภา และวิปวุฒิสภา ที่จะต้องเข้าใจในข้อกฎหมายด้วย เพราะไม่ใช่มติที่จะเชิญใครเข้ามาชี้แจง" นายสรชาติ กล่าวทิ้งท้าย พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า การทำหน้าที่ของกรรมาธิการตามข้อบังคับที่ 38 นั้น คือการหารือและกำหนดกรอบการศึกษาว่าจะศึกษาเรื่องใดบ้าง ทำเค้าโครงรายงานคล้ายงานวิจัย ซึ่งหน้าที่และอำนาจหลักคือการจัดทำรายงานเสนอต่อวุฒิสภาเมื่อการศึกษาเสร็จสิ้นตามกรอบญัตติที่ได้รับอนุมัติไว้

การออกมาเตือนของ ส.ว. สรชาติ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับการตีความอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภา และอาจเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไปว่า การทำงานของ กมธ. ศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะดำเนินไปในทิศทางใดภายใต้กรอบข้อบังคับที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเตือนนี้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *