สนธิญา บุก ป.ป.ช. ยื่นหลักฐานเพิ่ม ปม ‘พีระพันธุ์’ ถือหุ้น 4 บริษัท จี้ ‘แพทองธาร’ ตรวจสอบ สัปดาห์หน้าจ่อ กกต.
นายสนธิญา สวัสดี ยื่นเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กรณีถูกกล่าวหาว่ายังคงถือหุ้นและเป็นกรรมการใน 4 บริษัท ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมายและจริยธรรม พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง เตรียมเดินหน้ายื่น กกต. สัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสนธิญา สวัสดี เดินทางเข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมจากกรณีที่เคยยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนว่า นายพีระพันธุ์ยังคงมีสถานะเป็นกรรมการและถือหุ้นในบริษัทจำกัด รพีโสภาค และถือหุ้นในบริษัทอื่นรวม 4 บริษัท ซึ่งนายสนธิญาเห็นว่าอาจเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติหุ้นส่วนและหุ้นของคณะรัฐมนตรี และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
นายสนธิญาได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมที่นำมายื่นในครั้งนี้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลในงบการเงินล่าสุดที่ปรากฏในระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือครองหุ้นและสถานะกรรมการบริษัท นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างถึงกรณีหุ้นที่เป็นมรดกจากการเสียชีวิตของนางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค มารดาของนายพีระพันธุ์ ที่อาจเข้าข่ายการครอบครองปรปักษ์หากไม่มีการจัดการมรดกภายในระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากหุ้นถือเป็นสังหาริมทรัพย์ชนิดหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมกว่า 21 ล้านบาทเศษ รวมถึงการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุน 14 ล้านบาท ในช่วงเวลาที่นายพีระพันธุ์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และยังคงสถานะกรรมการในบางบริษัท ก่อนที่จะลาออกเฉพาะบางบริษัทในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
นายสนธิญาเห็นว่าการกระทำเหล่านี้อาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 รวมถึงอาจเข้าข่ายการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์สาธารณะ ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ในหลายข้อ และอาจถือเป็นจริยธรรมร้ายแรง จึงได้ส่งมอบเอกสารเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหนังสือที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้
ภายหลังการยื่นหลักฐาน นายสนธิญาได้ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นเรื่องครั้งนี้เป็นเรื่องที่ตนไม่สบายใจ เนื่องจากต้องมายื่นต่อบุคคลที่ตนรักและเคารพ และชี้แจงว่าตนเคยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ได้ลาออกไปในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ส่วนลูกสาวของตนยังคงเป็นสมาชิกพรรคอยู่
นายสนธิญาเน้นย้ำว่า จากเอกสารที่ตนได้รับมาล่าสุด ซึ่งอ้างอิงใบบริคณห์สนธิจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังคงปรากฏชื่อบุคคลที่ตนร้องเรียนอยู่ในทั้ง 4 บริษัท จึงขอให้นายพีระพันธุ์ออกมาชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจนว่าเหตุใดเอกสารล่าสุด ณ วันที่ 28 เมษายน 2568 (ซึ่งอ้างอิงจากวันที่ที่ระบุในเอกสาร) จึงยังมีชื่อของท่านปรากฏเป็นหุ้นส่วนอยู่ ทั้งที่ไม่มีชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการ
นายสนธิญาได้กล่าวเรียกร้องไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ถูกกล่าวถึง ว่านายพีระพันธุ์ยังมีรายชื่อเป็นกรรมการบริหารหรือผู้ถือหุ้นอยู่หรือไม่ เพื่อให้เรื่องนี้เกิดความกระจ่าง และให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจว่าเรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะหากทั้ง 4 บริษัทดังกล่าวยังมีชื่อนายพีระพันธุ์เป็นกรรมการบริหารหรือผู้ถือหุ้น ก็จะเกี่ยวพันไปถึงตัวนายกรัฐมนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
นายสนธิญาแจ้งว่า นอกจากการยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อนำไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และการยื่นต่อ ป.ป.ช. แล้ว ในสัปดาห์หน้า ตนจะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยและตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังถือหุ้นอยู่ในทั้ง 4 บริษัทหรือไม่ อย่างไร พร้อมขอให้คณะรัฐมนตรีได้ตรวจสอบข้อมูลนี้ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีถูกบุคคลอื่นร้องเรียนเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับอดีตนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าจะส่งเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน
เมื่อถูกถามว่าหากเรื่องนี้ผิดจริง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับนายเศรษฐาหรือไม่ นายสนธิญาตอบว่า มีนักกฎหมายบางคนออกมาให้ความเห็นในกรณีของนายพีระพันธุ์ว่า ถ้าเป็นไปตามกระบวนการและข้อเรียกร้องต่างๆ ที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็อาจจะอยู่ในสภาพเดียวกันกับอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา แต่การร้องเรียนของตนนั้น เป็นการร้องเรียนในลักษณะขอให้ไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น