สมชาย-ชาญชัย-เจษฎ์-ทนายนกเขา ยื่น ป.ป.ช. ฟัน ‘ครม.-สส.-สว.’ ปมงบฯ 68 ขัด รธน. จ่อส่งศาล รธน. ถอดถอนยกชุด
สมชาย-ชาญชัย-เจษฎ์-ทนายนกเขา ยื่น ป.ป.ช. ฟัน ‘ครม.-สส.-สว.’ ปมงบฯ 68 ขัด รธน. มั่นใจหลักฐานแน่น จ่อส่งศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนยกชุด
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ คณะบุคคลซึ่งประกอบด้วย นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา, นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นักเคลื่อนไหว และนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการกระทำที่เชื่อว่าเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ในขั้นตอนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวถึงประเด็นที่มายื่นในวันนี้ว่า เกิดจากการพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณของทั้ง สส. และ สว. ซึ่งมีการกระทำที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 โดยเฉพาะประเด็นที่ห้ามไม่ให้มีการตัดลดงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการให้เงินกู้ซึ่งมีกฎหมายบังคับไว้
นายชาญชัย ได้ระบุถึงการกระทำผิดที่พบ 2 ประเด็นหลัก คือ
ประเด็นแรก: หลังจากร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ผ่านวาระที่ 1 ไปแล้ว ต่อมาคณะรัฐมนตรีกลับมีมติตัดลดงบประมาณจำนวน 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการกู้ตามมาตรา 28 เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ และต้องมีการชดใช้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามมิให้มีการแตะต้องเงินงบประมาณในส่วนนี้
ประเด็นที่สอง: คณะกรรมาธิการงบประมาณได้รับทราบเรื่องนี้ มีการพูดคุยถกเถียงกันในการประชุมครั้งที่ 38 ถึงข้อกังวลเกี่ยวกับมาตรา 144 แต่สุดท้ายก็ยังคงอนุมัติให้งบประมาณดังกล่าวผ่านไปได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ให้อำนาจ สส. และ สว. ในการถอดถอนงบประมาณนี้ นอกจากนี้ ยังระบุเป็นครั้งแรกว่า หากคณะรัฐมนตรีทราบถึงการกระทำที่ผิดนี้แต่ไม่ดำเนินการยับยั้ง ก็ให้ถอดถอน ครม. ได้ทั้งคณะ
นายชาญชัย เสริมว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังให้อำนาจแก่ ป.ป.ช. โดยตรงในการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาถอดถอน ครม., สส., และ สว. หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริง อีกทั้งยังมีบทบัญญัติให้เรียกเงินทั้งหมดที่ถูกนำไปใช้ผิดประเภทและก่อให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดินคืนภายในระยะเวลา 20 ปี ด้วยเหตุนี้ คณะผู้ยื่นจึงได้นำเรื่องมาเสนอต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนายเจษฎ์ โทณะวณิก กล่าวว่า หน้าที่ของ ป.ป.ช. ในกรณีนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องมีมูลจริง ก็สามารถยื่นเรื่องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ทันที และการวินิจฉัยจะเป็นอำนาจของศาล ไม่ใช่ ป.ป.ช. ดังนั้น ภาระของ ป.ป.ช. คือการพิจารณาความมีมูลเท่านั้น ซึ่งคาดว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. จะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ส่วนหากส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา
นายเจษฎ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความผิดที่ยื่นนี้จะครอบคลุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ชุดของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แยกได้เป็น 2 ประเด็น คือ 1. การใช้งบประมาณที่ผิดวัตถุประสงค์ และ 2. การที่ผู้เกี่ยวข้องมีโอกาสเข้าไปใช้งบประมาณนั้น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงครอบคลุม สส. และ สว. ชุดปัจจุบันทั้งหมด
เมื่อถูกถามถึงความมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดได้ นายสมชาย แสวงการ ตอบอย่างหนักแน่นว่า ข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดได้มาจากการศึกษาค้นคว้าเป็นเวลานานถึง 5-6 เดือน รวมถึงมีรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการต่างๆ และมติคณะรัฐมนตรีประกอบ แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ตนและนายเจษฎ์ซึ่งเคยเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. ก็ได้เห็นและเคยตักเตือนถึงการใช้งบประมาณที่ผิดประเภทว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาแล้ว
นายสมชาย กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยพยานหลักฐานที่มี ตนมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้ แต่ต้องให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย และเชื่อว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อกำลังจะเข้าสู่ช่วงพิจารณางบประมาณปี 2569 และการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่กำลังจะมีขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญความเสี่ยงทางการเงิน จึงหวังว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การหยุดยั้งและแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง ส่วนผู้ที่ได้กระทำผิดไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และหากถูกมองว่าเป็นการ "ล้างไพ่" ตนก็มองว่านี่คือการที่คนทำผิดต้องรับผิดชอบเท่านั้น
คณะผู้ยื่นกล่าวว่า หาก ป.ป.ช. ไม่ยอมส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะขอรอดูท่าทีและพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป