เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยเรื่องราวจาก นางสาวนิยะดา อายุ 61 ปี ซึ่งได้พาน้องสวย (นามสมมติ) หลานสาววัย 19 ปี เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน กรณีที่น้องสวยถูกทหารยศจ่าสิบตรี 2 นาย ล่อลวงไปกระทำการล่วงละเมิดทางเพศและพยายามข่มขืนภายในบ้านพักในค่ายทหาร จ.กาญจนบุรี

น้องสวย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงวันไหลของเทศกาลสงกรานต์ โดยในวันเกิดเหตุ ตนพร้อมเพื่อนอีกคนได้ไปเล่นน้ำที่ถนนข้าวเปลือก เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี

กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ได้พบกับชายสองคนซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นทหารยศจ่าสิบตรี สังกัดค่ายสุรสีห์ และเป็นเพื่อนของลูกพี่ลูกน้องที่รับราชการทหารเช่นกัน ขณะที่ตนเดินไปเข้าห้องน้ำ ผู้ก่อเหตุทั้งสองได้เดินตามและชวนให้ไปเล่นน้ำด้วยกัน

ต่อมาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ตนและเพื่อนตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้รั้งตัวไว้ หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้นำโทรศัพท์มือถือของตนไปแขวนคอ และอ้างว่าจะไปส่งตนที่บ้านเอง แม้ตนจะปฏิเสธและยืนยันว่าจะกลับพร้อมเพื่อน แต่ผู้ก่อเหตุยังคงยืนกรานที่จะไปส่ง โดยให้เพื่อนของผู้ก่อเหตุอีกคนเดินไปส่งเพื่อนของตนที่มาด้วยกัน เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์

จากนั้น ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้บังคับให้ตนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของพวกเขา โดยให้ขี่นำหน้ารถของเพื่อนตนที่กำลังตามมา แต่ผู้ก่อเหตุได้เร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เพื่อนของตนตามไม่ทัน ผู้ก่อเหตุได้พาตนไปที่บ้านพักของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ภายในค่ายสุรสีห์

เมื่อไปถึงบ้าน ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้บังคับให้ตนเข้าไปภายในบ้านและอยู่ตามลำพัง จากนั้นได้ใช้กำลังกระชากเสื้อผ้าจนขาด ใช้มือจับหน้าอก และถอดกางเกงของตนออก พร้อมทั้งพยายามลงมือข่มขืน แต่ตนได้ต่อสู้ขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง ทำให้ผู้ก่อเหตุเกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินจึงล้มเลิกความพยายาม

น้องสวยเล่าต่อว่า อาศัยจังหวะที่ผู้ก่อเหตุเผลอ ได้หยิบโทรศัพท์คืนมาและโทรศัพท์ไปหาญาติซึ่งเป็นทหารในค่ายเดียวกัน เพื่อให้มารับที่บ้านหลังดังกล่าว ญาติได้มารับและพาตนกลับบ้าน พร้อมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทางบ้านฟัง นำมาสู่การเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568

นางสาวนิยะดา ยายของผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ก่อเหตุทั้งสองคน ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ จ่าสิบตรีปิง และจ่าสิบตรีเสือ ให้มาพบถึง 3 ครั้ง แต่ผู้ก่อเหตุกลับบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมมาพบ ทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า ตนและหลานสาวรู้สึกร้อนใจและไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นทหาร ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเคยพยายามติดต่อมาเพื่อขอเคลียร์หลายครั้ง แต่กลับไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้หลานสาวเดินทางไปชี้จุดบ้านพักที่เกิดเหตุภายในค่ายทหาร ก่อนจะนัดให้ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนมาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ (2 พ.ค.68) โดยตนและหลานสาวยืนยันว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ได้ต้องการเงินเยียวยาเพียงอย่างเดียว

ในวันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทหารผู้ก่อเหตุทั้ง 2 นาย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้บังคับบัญชาของตน โดยได้มีการพูดคุยหารือร่วมกับยายของผู้เสียหาย

เบื้องต้น การเจรจาได้ข้อสรุปว่า ทางผู้บังคับบัญชาของนายทหารทั้งสองนาย มีคำสั่งให้ผู้ก่อเหตุทั้งสองราย รับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายให้กับหญิงสาวผู้เสียหาย ส่วนความผิดทางอาญา จะดำเนินการสั่งลงโทษขังผู้ก่อเหตุทั้งสองราย พร้อมตัดเงินบำเหน็จ และจะพิจารณาบทลงโทษอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อไป