กรุงเทพฯ – ข่าวดีสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เมื่อคณะทำงานประสานและดูแลมาตรฐานชุดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับผู้ประกันตน เตรียมเสนอแนวทางการขยายสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทันตกรรมได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และมีสิทธิไม่ด้อยไปกว่าสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ

ทพ.วีระศักดิ์ พุทธาศรี ประธานคณะทำงานชุดดังกล่าว เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 (หรือ 17 พ.ค. 68 ตามข่าวต้นฉบับ) ว่า คณะทำงานฯ ซึ่งมีผู้แทนจากสำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมอยู่ด้วย ได้มีการหารือและรับข้อเสนอที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดในขณะนี้ นั่นคือ การให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการด้านทันตกรรมในโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่จำกัดวงเงิน สำหรับการบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การอุดฟัน การขูดหินปูน และการถอนฟัน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ประกันตนที่ไปใช้บริการในโรงพยาบาลของรัฐตามแนวทางใหม่นี้ จะไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง โดยสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องการเบิกจ่ายกับโรงพยาบาลตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด ทำให้ผู้ประกันตนจะรู้สึกว่าได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าหรือดีกว่าผู้ที่มีสิทธิข้าราชการหรือบัตรทองในส่วนของการรับบริการจากสถานพยาบาลของรัฐ

สำหรับความกังวลในประเด็นที่ว่า การเปิดให้ใช้บริการในโรงพยาบาลรัฐอย่างไม่จำกัดอาจทำให้คิวยาว ทพ.วีระศักดิ์ ชี้แจงว่า หากมีการปรับระบบนี้ ทุกสิทธิ (ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ) จะเท่าเทียมกันในเรื่องการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลรัฐ ดังนั้น หากคิวยาว ทุกคนก็จะเจอสถานการณ์เดียวกัน

อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งที่สร้างความยินดีให้กับผู้ประกันตน คือ สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมวงเงิน 900 บาทต่อปี ที่ผู้ประกันตนเคยได้รับและสามารถนำไปใช้บริการที่คลินิกทันตกรรมเอกชน โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องสำรองจ่ายเช่นกันนั้น จะยังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกยกเลิกไป นั่นหมายความว่า ผู้ประกันตนจะมีทางเลือกในการเข้ารับบริการถึงสองช่องทาง คือ โรงพยาบาลของรัฐแบบไม่จำกัดวงเงินและจำนวนครั้งสำหรับบริการพื้นฐาน หรือคลินิกเอกชนโดยใช้สิทธิ 900 บาทต่อปี

ทพ.วีระศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในส่วนของการทำฟันเทียม ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มเล็กน้อย จากเดิมที่อาจมีการตีความให้ครอบคลุมเพียง 1 ชิ้น อาจจะปรับปรุงให้สามารถเบิกจ่ายสำหรับการทำฟันเทียมได้ 2 ชิ้น (เช่น บนและล่าง) โดยอ้างอิงอัตราเบิกจ่ายตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดเช่นกัน

การเสนอแนวทางขยายสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทันตแพทยสภาได้เข้าพบกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอแนวทางปรับระบบดูแลผู้ประกันตนเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งคณะทำงานชุดนี้ขึ้น และได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา โดย สปส. ได้รับข้อเสนอเรื่องการขยายสิทธิที่โรงพยาบาลรัฐไปพิจารณา

แนวทางดังกล่าวจะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานอีกครั้งในการประชุมซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 22 พฤษภาคม นี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเดินหน้าสู่การปฏิบัติจริงต่อไป

การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพช่องปากให้กับผู้ประกันตนหลายล้านคนทั่วประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น