อุทาหรณ์! เคส ‘งูกัด’ ปกติควรแอดมิต หลังหนุ่มถูก ‘งูทับสมิงคลา’ ให้กลับบ้าน ก่อนอาการทรุดหนัก
กรุงเทพฯ – เรื่องราวอุทาหรณ์จากเคสผู้ป่วยถูกงูกัดและได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน ก่อนที่จะมีอาการทรุดหนักในเวลาต่อมา ได้รับการเผยแพร่และสร้างความกังวลในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่ถูกงูมีพิษกัด
กรณีดังกล่าวถูกโพสต์โดยนายจ้างของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย ระบุว่าลูกจ้างถูก งูทับสมิงคลา กัด ซึ่งเป็นงูที่มีพิษร้ายแรง เมื่อนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดกลับบ้าน พร้อมนัดหมายให้มาพบแพทย์ในเช้าวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้ามืดก่อนเวลานัด ผู้ป่วยกลับมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งพูดไม่ได้ หายใจลำบาก ลิ้นคับปาก และลืมตาไม่ขึ้น จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้งในภาวะวิกฤต
จากกรณีนี้ เพจเฟซบุ๊กยอดนิยม Drama-addict ได้ออกมาให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับแนวทางการรักษาผู้ที่ถูกงูกัด โดยระบุว่า ในประเทศไทย งูมีพิษหลักๆ แบ่งเป็นกลุ่มที่มีพิษต่อระบบเลือด และกลุ่มที่มีพิษต่อระบบประสาท
สำหรับ งูทับสมิงคลา จัดอยู่ในกลุ่มงูที่มีพิษร้ายแรงต่อระบบประสาท พิษของงูชนิดนี้จะส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น และหากพิษกระจายมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง จนผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้เอง และอาจเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจน
เพจ Drama-addict ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัญหาสำคัญของการถูกงูกัดคือ อาการมักจะไม่แสดงผลทันที แต่จะขึ้นอยู่กับการไหลเวียนของพิษเข้าสู่กระแสเลือดและน้ำเหลือง ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมง ไปจนถึง 6-10 ชั่วโมงหลังถูกกัด เคสของชายหนุ่มรายนี้น่าจะเป็นกรณีที่พิษแสดงอาการช้า
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงเน้นย้ำว่า โดยปกติแล้วเมื่อมีผู้ป่วยถูกงูกัด แพทย์จะแนะนำให้แอดมิตเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจเลือดเป็นระยะ หากพบว่าผู้ป่วยเริ่มมีอาการอ่อนแรง หรือผลเลือดมีความผิดปกติ แพทย์จะสามารถให้การรักษาและให้เซรุ่มต้านพิษงูได้ทันที
การที่แพทย์ให้ผู้ป่วยถูกงูกัดกลับบ้านนั้น ถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติในแนวทางการดูแลผู้ป่วยงูกัดที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่แน่ใจว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ หรือแม้จะเป็นงูที่มีพิษแต่ยังไม่แสดงอาการ เพราะหากอาการทรุดลงเมื่อกลับถึงบ้าน โอกาสในการเสียชีวิตจะสูงมาก
นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างถึงความเสี่ยงในการจำแนกชนิดงูผิดพลาด เนื่องจากงูบางชนิดที่มีพิษร้ายแรง (เช่น งูทับสมิงคลา) มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับงูบางชนิดที่ไม่มีพิษ (เช่น งูปล้องฉนวน) การประเมินจากลักษณะงูเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ หากไม่แน่ใจว่าถูกงูอะไรกัด ควรได้รับการดูแลและสังเกตอาการในโรงพยาบาล หรือหากพบงูและไม่แน่ใจ สามารถติดต่อหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญหรืองูกู้ภัย เพื่อขอข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องได้
เคสนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยที่ถูกงูกัดอย่างถูกวิธี และเน้นย้ำว่าการแอดมิตเพื่อสังเกตอาการเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยจากพิษงู