กลายเป็นประเด็นข่าวร้อนในพื้นที่จังหวัดสงขลา และเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เมื่อชื่อของ สจ.กอล์ฟ หรือ นายสิรดนัย พลายด้วง สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) วัย 28 ปี ปรากฏขึ้นในฐานะผู้ถูกออกหมายจับจากเหตุการณ์รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีตำบลพะวง เมื่อ ด.ต.นิสาธิต คงเทพ สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้าย โดยรายงานระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่ ด.ต.นิสาธิต ได้เข้าห้ามปรามบางพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมภายในหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการถ่ายรูป และบุคคลที่เกี่ยวข้องคือ สจ.กอล์ฟ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และต่อมา ศาลก็ได้ออกหมายจับ นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ พร้อมกับลูกน้องรวมทั้งหมด 7 คน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ

สำหรับประวัติของ นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ นั้น ต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีสายเลือดนักการเมืองเต็มตัว เนื่องจากเป็นบุตรชายของ นายสมยศ พลายด้วง หรือที่รู้จักกันในชื่อ โกถึก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสงขลา เขต 3

สจ.กอล์ฟ เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 มีประวัติด้านการศึกษาที่น่าสนใจ เริ่มจากระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนกิตติวิทย์ บ้านพรุ ต่อด้วยระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนพลวิทยา และไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนหานเจียง เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะกลับมาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตรบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา จังหวัดนครศรีธรรมราช

ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางการเมืองท้องถิ่นในฐานะสมาชิก อบจ.สงขลา สจ.กอล์ฟ ก็เคยมีบทบาทในด้านอื่น ๆ มาก่อน เช่น เคยเป็นอดีตรองประธานสโมสรฟุตบอลนครศรีฯ ยูไนเต็ด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจและบทบาทในแวดวงกีฬา และยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรม

การถูกออกหมายจับในครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายสำหรับ สจ.กอล์ฟ และอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเมืองในอนาคตของเขา รวมถึงภาพลักษณ์ของครอบครัวและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้น ไม่ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นใครหรือมีตำแหน่งใดก็ตาม