ทรัพย์สิน เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมแมนยูฯ หายไป 2.8 แสนล้านบาท ใน 1 ปี
ทรัพย์สินของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบปัญหาลดลงอย่างน่าใจหายถึง 6,490 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สถานะของมหาเศรษฐีผู้นี้ในสหราชอาณาจักรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ทรัพย์สินส่วนตัวของมหาเศรษฐีวัย 72 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัท INEOS ได้ลดลงจาก 23,518 ล้านปอนด์ เหลือเพียง 17,046 ล้านปอนด์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา การลดลงครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของทรัพย์สินทั้งหมด ส่งผลให้ตำแหน่งของเขาในรายชื่อบุคคลที่รวยที่สุด 350 อันดับแรกของสหราชอาณาจักรหล่นจากอันดับที่ 4 ไปอยู่อันดับที่ 7
สาเหตุหลักของการลดลงของทรัพย์สินครั้งนี้มาจากปัญหาที่อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในยุโรปของกลุ่ม INEOS กำลังเผชิญอยู่ ปัญหามีความซับซ้อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาษีพลังงานที่สูง และภาษีคาร์บอนที่เข้มงวดและมีอัตราสูงเกินไป ประกอบกับการลดการใช้พลังงานและการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมในยุโรป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการและความมั่งคั่งของกลุ่ม INEOS
แม้ว่าปัญหาทรัพย์สินส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจหลัก แต่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ก็เพิ่งเข้าซื้อหุ้นสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำนวน 27.7% ด้วยงบประมาณราว 1,600 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 70,700 ล้านบาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 ที่ผ่านมา การเข้ามาบริหารงานในส่วนของสโมสรกลับได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากความพยายามในการพลิกฟื้นทีมรักให้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง
มาตรการที่ถูกวิจารณ์รวมถึงการตัดสินใจขึ้นราคาตั๋วเข้าชมการแข่งขัน และการดำเนินการเลิกจ้างพนักงานถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายทางการเงินบางส่วนของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งรวมถึงการปลด เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 13 สมัย ออกจากตำแหน่งทูตสโมสร ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่สร้างความไม่พอใจในหมู่แฟนบอลและสาธารณชน
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ กำลังเผชิญ ทั้งจากธุรกิจหลักในภาคอุตสาหกรรม และจากบทบาทใหม่ในวงการกีฬา ซึ่งแต่ละด้านต่างก็มีแรงกดดันและความคาดหวังที่แตกต่างกันไป