รัฐสภาสิงคโปร์ถูกยุบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ โดยพรรค People’s Action Party (PAP) ที่ครองอำนาจมายาวนาน ตั้งเป้าจะรักษาอำนาจภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งแรกของนายหว่องในฐานะผู้นำพรรค PAP หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยพรรค PAP ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่สิงคโปร์ได้รับเอกราชในปี 1965 มีความมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง

“โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง เกิดความไม่แน่นอนและไม่มั่นคงมากขึ้น” นายหว่องเขียนบนเฟซบุ๊ก “เงื่อนไขที่ทำให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในอดีตอาจไม่เป็นจริงอีกต่อไป นี่คือเหตุผลที่ผมเรียกการเลือกตั้งครั้งนี้”

ในการเลือกตั้งปี 2020 ที่จัดขึ้นช่วงโควิด-19 พรรค PAP ได้รับ 83 ที่นั่งจากทั้งหมด 93 ที่นั่ง แต่สูญเสียที่นั่งให้พรรคฝ่ายค้านมากขึ้น โดยฝ่ายค้านได้ที่นั่งเพิ่มจาก 6 เป็น 10 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

นายหว่องได้เปิดตัวแผน “Forward Singapore” เพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่ที่อาจไม่พอใจรัฐบาล โดยจะเสนอแนวทางพัฒนาประเทศให้มีความสมดุล มีชีวิตชีวาและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป

แม้สิงคโปร์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ก็ติดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดด้วย ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ที่อยู่อาศัยราคาแพง และการจำกัดเสรีภาพการแสดงออกเริ่มทำให้อำนาจของ PAP ลดลง