เสรีพิศุทธ์ ฟันธง ‘ทักษิณ’ ไม่ป่วยจริง หลังแพทยสภาลงดาบหมอ ชี้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ต้องยุบสภา หนีไม่รอดแน่

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ที่พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้แถลงแสดงความเห็นอย่างดุเดือดถึงกรณีที่แพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ชี้ว่า มติดังกล่าวของแพทยสภา เป็นการยืนยันว่าแพทย์ได้ให้ความเห็นอันเป็นเท็จ และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่านายทักษิณมีภาวะวิกฤตอย่างที่กล่าวอ้าง ซึ่งเท่ากับเป็นการชี้ชัดว่านายทักษิณไม่ได้เจ็บป่วยจริง

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวย้ำสิ่งที่ตนเคยพูดมาโดยตลอดว่า เคยเข้าพบนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 และเห็นนายทักษิณอยู่ในสภาพที่ไม่ได้สวมชุดคนป่วย แต่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ สามารถนั่งพูดคุยกับตนได้เป็นชั่วโมง โดยไม่มีการใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยแสดงความเห็นต่อมติของแพทยสภาว่า ควรต้องส่งให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งตนมองว่านายสมศักดิ์ไม่สามารถโต้แย้งมติที่เป็นความจริงหรือเป็นความผิดได้ แต่ทำได้เพียงโต้แย้งในส่วนของโทษที่จะถูกพักใบอนุญาตเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เห็นว่ากรณีนี้เป็นการผิดวินัยร้ายแรง สมควรได้รับโทษถึงขั้นไล่ออก ไม่ใช่แค่การตักเตือนหรือพักใบอนุญาตชั่วคราว

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่า เมื่อแพทยสภามีความเห็นออกมาเช่นนี้แล้ว ศาลได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อัยการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ และตัวนายทักษิณเอง ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจจะต้องรายงานความผิดของแพทย์ที่ถูกลงโทษเข้าไปด้วย

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ศาลอาจจะมีการตั้งประเด็นพิจารณาว่า การส่งตัวนายทักษิณไปรักษาที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจนั้น ได้มีการขออนุญาตศาลก่อนหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการขออนุญาต อาจเข้าข่ายขัดต่อมาตรา 246 ที่ว่าด้วยการทุเลาบังคับคดีและชะลอการลงโทษไว้ก่อน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล หากยังไม่ได้ติดคุก ก็สามารถออกหมายแดงเพื่อควบคุมตัวได้เลย เหมือนในกรณีของนายทักษิณ ที่เมื่อนับวันคุมขังแล้วหนึ่งวัน ก็สามารถนับจำนวนวันที่เหลือและฝากขังต่อได้ทันที

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยยังกล่าวถึงประเด็นเวชระเบียน หรือบันทึกการรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. พยายามขอมาตรวจสอบว่า วันนี้เวชระเบียนไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะแพทยสภาได้เรียกเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบและสรุปความผิดได้แล้ว ดังนั้น ป.ป.ช. จึงไม่จำเป็นต้องรอเวชระเบียนอีกต่อไป สามารถเรียกเอกสารและหลักฐานทั้งหมดจากแพทยสภามาดำเนินการตรวจสอบได้เลย

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวเน้นย้ำว่า “ตอนนี้นายทักษิณถือว่าถูกนับ 9 แล้ว วันที่ 13 มิถุนายน ถือว่า นับ 10 ไม่มีทางเลี่ยงแล้ว”

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ได้ฝากไปยังเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะไม่ยอมให้ความจริงต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและศาล แต่มาถึงวันนี้ ความจริงได้ปรากฏแล้วว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ตามที่ตนได้พูดเตือนมาตั้งแต่ต้นนานกว่าหนึ่งปีแล้ว

“ฉะนั้นตอนนี้ไม่มีใครช่วยได้แล้ว ไม่ว่าจะ 10 ทักษิณหรือ 100 ทักษิณก็ช่วยไม่ได้แล้ว มีทางเดียวคือการให้ความจริงต่อศาลและป.ป.ช. เพื่อให้กระบวนการดำเนินคดีเรื่องนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบริสุทธิ์ยุติธรรม และการสารภาพจะช่วยลดโทษได้กึ่งหนึ่ง” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ทำให้พรรคเสรีรวมไทยตัดสินใจออกมาเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน เพราะนายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนี้เพียงเรื่องเดียว แต่ยังมีพฤติกรรมอีกมากมายที่แสวงหาประโยชน์จากประเทศชาติ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวนายทักษิณ แต่อาจจะรวมไปถึงครอบครัวด้วย

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังได้ยกประเด็นเรื่องการเยี่ยมของครอบครัวมาเป็นหลักฐานเสริมว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง เพราะคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นภรรยา ไม่เคยไปเยี่ยมเลย ส่วนลูกๆ ก็ไปเพียงไม่กี่ครั้ง นอกนั้นก็ไปเที่ยวต่างประเทศหมด ซึ่งเรื่องเพียงแค่นี้ ก็สามารถนำไปเอาผิดทางจริยธรรมต่อนายกรัฐมนตรี (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) ได้ รวมถึงบรรดาลูกสมุนที่เคยออกมาบอกว่านายทักษิณป่วยหนัก กระดูกหัก ก็ตั้งคำถามว่าไปเห็นได้อย่างไร

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะกระทบกับรัฐบาลอย่างไร พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า โดยปกตินายทักษิณเป็นผู้ค้ำยันลูกสาวอยู่ แต่ไม่ได้ค้ำยันรัฐบาลทั้งหมด คนที่ยืนหยัดในหลักการก็มี เช่น เรื่องไม่เอากาสิโน อย่างไรก็ตาม การค้ำยันลูกสาวที่ตนมองว่ายังคิดอะไรไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นนั้น ทำให้เห็นว่านายทักษิณเป็นผู้ชี้นำทุกอย่าง เหมือนที่ผ่านมาเมื่อนายทักษิณออกมาพูดเรื่องใด รัฐบาลก็จะทำตาม ซึ่งตรงนี้เป็นพยานหลักฐานยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร อยู่ได้เพราะพ่อ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องภาษีที่สหรัฐอเมริกา ที่นายทักษิณต้องเสนอตัวเข้าไปพูดแทนลูก

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เชื่อว่า หากนายทักษิณร่วง น.ส.แพทองธาร หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็จะร่วงตามไปด้วย เพียงแค่มีคนยื่นเรื่องตรวจสอบจริยธรรม กรณีที่เคยให้ข่าวว่าพ่อป่วยและเข้ารับการผ่าตัด ก็ถือว่าผิดจริยธรรมแล้ว ฉะนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคอื่นๆ ที่มีกระแสข่าวแตกแยก หรือข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยกลับมา หรือข่าวว่าภูมิใจไทยจะออกจากรัฐบาล แล้วต้องไปง้อพรรคพลังประชารัฐอีกนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มองว่า การกระทำเหล่านี้ของนายทักษิณ ล้วนทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

“ฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดควรยุบสภา ลาออก และไปก่อนที่ศาลจะวินิจฉัย นายทักษิณอาจจะยังไปไหนไม่ได้ ต้องขออนุญาตศาลเพราะมีคดีติดตัวอยู่ แต่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หากจะเผ่นก็เผ่นไปตั้งหลักก่อน ไม่เช่นนั้นจะต้องไปอยู่เรือนจำเหมือนพ่อ หมดแล้วตระกูลนี้ เพราะทำเกินไปต้องรับกรรมแบบนี้ เร็วๆ นี้รัฐบาลไม่รอดหรอก” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า “วันนี้จะประกาศยุบสภาก็ได้ ต้องเก็บข้าวเก็บของ หนีไปต่างประเทศเลย แต่คงเข้าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้เข้าประเทศ ไปดูไบได้อยู่ ที่อยู่ก็มีแล้ว หรือถ้าไม่ยุบสภาวันนี้ ก็ต้องคอยรอดูกัน ไม่นานนี้”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *