รัฐสภา, 20 พฤษภาคม 2568 – นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข ของวุฒิสภา ได้เปิดเผยถึงแนวทางพิจารณาประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กรณีมติของแพทยสภาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างถูกคุมขัง ณ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

ในการประชุม กมธ.การสาธารณสุข เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประพนธ์ได้แจ้งผลการหารือกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ซึ่งวิปวุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ กรณีที่ กมธ.การสาธารณสุข จะพิจารณาร่วมกับ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ ของวุฒิสภา โดยการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน

นายประพนธ์ ชี้แจงว่า ประเด็นดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องซับซ้อน ไม่สามารถพิจารณาได้เฉพาะในมิติของจริยธรรมทางการแพทย์ซึ่งเป็นอำนาจกำกับดูแลสูงสุดของแพทยสภาเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับกระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมด้วย ดังนั้น การพิจารณาเรื่องมติแพทยสภาเกี่ยวกับการดูแลรักษานายทักษิณฯ จึงต้องมองในมิติทางกฎหมายควบคู่ไปกับมิติทางสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความรอบด้านและครบถ้วนตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อที่ 80 ที่ระบุว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กมธ. มากกว่า 1 คณะ สามารถตั้ง กมธ.ร่วม เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกันได้

ประธาน กมธ.สาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากวิปวุฒิสภาได้เห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนัดหมายเพื่อประชุมร่วมกันระหว่าง กมธ.สาธารณสุข และ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการภายใต้คณะ กมธ.ร่วมชุดนี้ขึ้น เพื่อลงรายละเอียดในการศึกษาและตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

สำหรับโครงสร้างของคณะอนุกรรมาธิการที่คาดว่าจะจัดตั้งขึ้น จะประกอบด้วยตัวแทนจาก กมธ.แต่ละคณะ (สาธารณสุขและกฎหมายฯ) คณะละประมาณ 4 คน รวมถึงจะมีสัดส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้าร่วมเป็นอนุกรรมาธิการด้วย ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้จะมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งในวงการแพทย์, ด้านกฎหมาย และด้านสังคม เพื่อให้การพิจารณาครอบคลุมทุกมิติ และตอบข้อสงสัยที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจน