SCGP เผยกำไรไตรมาส 1/68 ลดลง 48% พร้อมกางแผนรุกตลาดอาเซียน-รับมือภาษีสหรัฐฯ ชูฐานผลิตหลากหลาย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2568 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 899.87 ล้านบาท ลดลง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,724.65 ล้านบาท การลดลงของกำไรสุทธิเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้จากการขายที่ปรับลดลง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบบางส่วนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวว่า รายได้จากการขายรวมในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 32,209 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรมีรายได้ 24,223 ล้านบาท ลดลง 5% จากราคาขายที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจกระดาษมีรายได้ 6,924 ล้านบาท ลดลง 1% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายและปริมาณขายของผลิตภัณฑ์กระดาษพิมพ์เขียนที่ลดลง สำหรับกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 4,232 ล้านบาท ลดลง 18%

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 2/2568 SCGP คาดการณ์ว่า ตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังคงเติบโตจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศต่างๆ รวมถึงความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าบางประเภท

ในส่วนของต้นทุน SCGP ประเมินว่าต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและค่าขนส่งในไตรมาส 2/2568 อาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการในภูมิภาค ขณะที่ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มทรงตัว อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะจากมาตรการภาษี (Reciprocal Tariff) SCGP ได้เตรียมแผนเชิงรุก โดยเน้นการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านการพัฒนาคุณภาพสินค้า การสร้างความร่วมมือ และการยกระดับความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence)

นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ประโยชน์จากจุดแข็งด้านฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ในหลายประเทศและความหลากหลายของประเภทผลิตภัณฑ์ เพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมทั้งมีแผนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ และการใช้กลยุทธ์การจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ในบางกรณีเพื่อให้ได้ต้นทุนที่แข่งขันได้ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก

พร้อมกันนี้ SCGP ยังคงเดินหน้าขยายตลาดและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ล่าสุดได้ร่วมลงทุนในสัดส่วน 25% กับ Howa Sangyo Company Limited จัดตั้งบริษัท โฮวะ แพ็คเกจจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) สำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 6,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนมิถุนายนนี้

อีกหนึ่งก้าวสำคัญคือการร่วมมือกับ Once Medical Company Limited (Once) เพื่อรุกเข้าสู่ตลาด Healthcare Supplies โดยจะนำความเชี่ยวชาญมาผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาที่บริษัท วีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (VEM-TH) ในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนประมาณ 142.3 ล้านบาท โครงการนี้คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมกราคม 2569 ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ากระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาของประเทศไทย และยังเพิ่มโอกาสการขายผ่านช่องทางของ Deltalab, S.L. ในประเทศสเปน

การดำเนินงานเชิงรุกและแผนการลงทุนใหม่ๆ เหล่านี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCGP ในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจโลก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *