SCBX แกร่ง! กำไรไตรมาส 1/68 โต 10.8% แตะ 1.25 หมื่นล้าน ชี้บริหารต้นทุน-สินทรัพย์เด่น แม้เจอความท้าทาย
กรุงเทพฯ – บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2568 เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 39.9% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
สำหรับรายละเอียดผลประกอบการที่สำคัญ ได้แก่:
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 31,047 ล้านบาท ลดลง 2.2% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และยอดสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.0% จากการดำเนินนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง
- รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ อยู่ที่ 10,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีก่อน แรงหนุนสำคัญมาจากรายได้ในส่วนของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตขึ้น ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อปรับตัวลดลง
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 17,140 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และการยุติการดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดในปี 2567
- การตั้งสำรอง ลดลง 6.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นของธนาคารไทยพาณิชย์และธุรกิจกลุ่ม Gen 2 โดยเฉพาะจากบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รวมสำรองพิเศษจากการประเมินเบื้องต้น เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ในด้านคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 3.45% ลดลงจาก 3.52% ในปีก่อน ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 156% สะท้อนถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 18.8%
นายอาทิตย์ กล่าวถึงความท้าทายที่สำคัญในช่วงต้นปี 2568 ได้แก่ เหตุการณ์แผ่นดินไหว และความไม่แน่นอนจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างทันท่วงที และคาดว่าผลกระทบต่อธุรกิจของกลุ่ม SCBX มีในวงจำกัด
สำหรับความเสี่ยงจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ บริษัทฯ ประเมินว่าอาจส่งผลให้ GDP ของประเทศปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 1.5 และอาจมีความรุนแรงมากกว่าที่คาดได้ ซึ่ง SCBX ได้เตรียมความพร้อมเชิงรุก ติดตามสถานการณ์ลูกค้าอย่างใกล้ชิด และร่วมมือกับลูกค้าในการหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
“แม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ แต่ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 ของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากการควบคุมต้นทุนและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่ม Gen 2 และ Gen 3 มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก (Gen 1)” นายอาทิตย์ กล่าวเสริม
บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 80 และยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อสนับสนุนลูกค้าและเศรษฐกิจไทย พร้อมกับการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง.