ส.บ.ม.ท. ค้านใช้โอเน็ต 100% สอบเข้า ม.1/ม.4 หวั่นกวดวิชาพุ่ง-เหลื่อมล้ำสูง แนะใช้แค่บางส่วน
กรุงเทพฯ – จากกรณีที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานเรื่องการบริหารจัดการสอบทุกรูปแบบ เตรียมเสนอปรับวิธีการสอบเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 โดยมีแนวคิดนำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต (O-NET) มาปรับใช้เป็นข้อสอบกลางในการคัดเลือกนักเรียน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้แสดงความเห็นต่อแนวคิดดังกล่าว โดยกล่าวว่า โดยหลักการแล้วตนเห็นด้วยกับการใช้คะแนนโอเน็ตเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับนักเรียนเข้าเรียนต่อในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 เช่นเดียวกับที่เคยมีการดำเนินการในอดีต ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการสอบโอเน็ตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายณรินทร์ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะนำข้อสอบโอเน็ตมาใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกนักเรียนถึง 100%
นายณรินทร์ ชี้แจงเหตุผลว่า วัตถุประสงค์หลักของการสอบโอเน็ตคือการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ตลอดหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ ไม่ใช่ข้อสอบเพื่อการคัดเลือก ดังนั้น หากนำมาใช้คัดเลือกทั้งหมด จะทำให้เกิดปัญหาสำคัญหลายประการตามมา
ประการแรก จะทำให้เกิดการมุ่งเน้นการกวดวิชาเพื่อทำคะแนนโอเน็ตโดยเฉพาะ ส่งผลให้ผู้ปกครองและนักเรียนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการกวดวิชาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่สังคมไทยเผชิญอยู่
ประการที่สอง การใช้โอเน็ต 100% จะสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กหรือโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อาจมีข้อจำกัดในการเตรียมความพร้อมนักเรียนให้สามารถแข่งขันด้านคะแนนโอเน็ตได้ทัดเทียมกับโรงเรียนขนาดใหญ่หรือโรงเรียนในตัวเมือง
นายณรินทร์ ได้เสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมกว่า โดยระบุว่า หากจะใช้โอเน็ตในการรับนักเรียนเข้าเรียน ควรใช้เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อย เช่น ร้อยละ 10 หรือ ร้อยละ 30 เป็นต้น ส่วนคะแนนที่เหลือควรมาจากการสอบของโรงเรียนเอง หรือคะแนนเก็บอื่นๆ ตามที่แต่ละโรงเรียนกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและความหลากหลายของแต่ละสถานศึกษา
นายก ส.บ.ม.ท. ย้ำว่า การที่เด็กให้ความสำคัญกับการสอบโอเน็ตมากขึ้นเป็นเรื่องดี เนื่องจากผลสอบโอเน็ตมีความสำคัญต่อการวัดผลความรู้ตลอดหลักสูตร ซึ่งโรงเรียนและครูสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและการดูแลนักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง แต่การใช้เป็นเกณฑ์ 100% นั้นผิดจากเจตนารมณ์เดิมและสร้างผลเสียมากกว่า
สำหรับแนวคิดเรื่องการจัดตั้งศูนย์สอบกลาง เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางของนักเรียนที่ต้องการเข้าสอบในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงนั้น นายณรินทร์เห็นด้วยว่าเป็นแนวคิดที่ดี ช่วยลดภาระการเดินทางของนักเรียนและผู้ปกครอง และทราบมาว่ามีบางโรงเรียนได้เริ่มดำเนินการในลักษณะนี้แล้ว
โดยสรุป ส.บ.ม.ท. สนับสนุนการนำคะแนนโอเน็ตมาพิจารณาประกอบการรับนักเรียนเข้าเรียน แต่คัดค้านการใช้เป็นเกณฑ์ชี้ขาดทั้งหมด 100% พร้อมเสนอแนวทางในการใช้เป็นสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้การสอบคัดเลือกมีความเป็นธรรมและลดผลกระทบด้านลบต่อระบบการศึกษาไทย