ครบ 1 เดือน ตึก สตง. ถล่ม กทม.: เร่งค้นหาเหยื่อ ชดเชยเยียวยา-สอบปมโครงสร้าง

ครบ 1 เดือน เหตุอาคาร สตง. ถล่ม: กู้ภัยเร่งค้นหา เยียวยาผู้ประสบภัย และสอบสวนหาสาเหตุ

กรุงเทพฯ – เวลาผ่านไปครบ 1 เดือนเต็มแล้วสำหรับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ที่ได้ถล่มลงมาภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดที่ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 1,300 กิโลเมตร การค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคาร การสอบสวนหาสาเหตุของการถล่ม และความพยายามในการชดเชยเยียวยาผู้ประสบภัยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ปฏิบัติการกู้ภัยยังไม่หยุด

นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “หนึ่งเดือนผ่านไป เจ้าหน้าที่ทุกคนยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยมกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งคือเรื่องของครอบครัวผู้ประสบภัย ที่เป็นแรงผลักดันให้เราทุกคนทำงานในทุกวัน เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปให้เร็วที่สุด เพื่อนำร่างของผู้เสียชีวิตกลับคืนสู่ภูมิลำเนา”

ณ วันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 66 ราย ยังคงมีผู้สูญหาย 28 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย จากจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งหมด 103 ราย

นายสุริยชัยรายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมค้นหาได้พบเจอเคสสำคัญ 3 เคส ประกอบด้วย ร่างผู้เสียชีวิตที่สมบูรณ์ 1 ร่าง และการพบที่สำคัญอีก 2 จุด รวมถึงการพบชิ้นส่วนเล็กๆ อีกประมาณ 5 จุด ซึ่งทั้งหมดถูกพบในบริเวณช่องบันไดของโซน D ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์ซากลงไปถึงชั้นที่ 1 และบางพื้นที่ถึงชั้นใต้ดินได้แล้ว

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตัดเศษเหล็กที่ระเกะระกะเพื่อเปิดทางเข้าสู่พื้นที่ที่เชื่อว่าผู้ประสบภัยอาจพยายามหลบหนีผ่านช่องทางเชื่อมต่างๆ นอกจากนี้ยังคงประสบความท้าทายในการรื้อถอนอาคารโซน D2 ซึ่งอยู่ติดกับโซน C หลังพบว่าพื้นอาคารค่อนข้างสมบูรณ์และซ้อนทับกันอยู่เป็นชั้นๆ 4-5 ชั้น ในลักษณะคล้าย “แพนเค้ก” ซึ่งเป็นลักษณะการถล่มที่พบเห็นได้ตั้งแต่ช่วงแรก

จะต้องมีการใช้เครื่องจักรหนักที่มีหัวเจาะกระแทกเพื่อทำลายคอนกรีตให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนนำออก ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าการดำเนินการนี้จะนำไปสู่การพบผู้ประสบภัยเพิ่มเติมในโซน B และโซน C

การชดเชยเยียวยาจากรัฐบาลและบริษัทผู้รับเหมา

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า นอกเหนือจากเหตุอาคาร สตง. ถล่ม ยังมีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพฯ อีก 7 ราย ในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา และในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สปส. ได้รับการสอบถามเข้ามาแล้ว 573 ช่องทาง ในส่วนของการเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุอาคาร สตง. ถล่มนั้น สปส. ได้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วสำหรับผู้เสียชีวิตที่ยืนยันได้ ประกอบด้วย:

  • ค่าทำศพ 50,000 บาทต่อราย รวม 1,200,000 บาท
  • เงินทดแทนการขาดรายได้รายเดือนในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 25,532,304 บาท
  • เงินบำเหน็จชราภาพ 1,126,779.58 บาท

สำหรับผู้ที่ยังสูญหายอยู่ใต้ซากอาคาร หากไม่สามารถนำร่างขึ้นมาได้ ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกับผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว ได้แก่ ค่าทำศพ 50,000 บาท และเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน เป็นระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตาม การอนุมัติเงินส่วนนี้จะต้องรอครบกำหนด 120 วันนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ สปส. ประมาณการว่ายอดเงินเยียวยาทั้งหมดจะสูงถึงประมาณ 54,000,000 บาท

ในส่วนของบริษัทผู้รับเหมา คือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ China Railway No.10 (ITD-CREC No.10) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมกันแถลงเมื่อค่ำวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมาว่า บริษัท ITD-CREC No.10 จะมอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1,000,000 บาท และผู้บาดเจ็บรายละ 200,000 บาท โดยไม่รวมค่ารักษาพยาบาล

การให้ความช่วยเหลือนี้ถือเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและไม่ถือเป็นการสร้างข้อผูกมัดใดๆ ในการดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง

กระบวนการทางกฎหมายและการสอบสวน

ด้านนายนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างผู้แทนรัฐบาลจีน ผู้แทนบริษัทผู้รับเหมา และผู้แทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ทั้งผู้แทนรัฐบาลจีนและผู้แทนบริษัทผู้รับเหมามีความประสงค์จะเจรจากับผู้แทนผู้เสียหาย เพื่อมอบเงินเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกราย โดยไม่ติดเงื่อนไขว่าจะต้องสละสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมาย

การดำเนินคดีจะแบ่งออกเป็น 2 ทาง ในส่วนของคดีอาญา สภาทนายความจะต้องรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็นส่งสำนวนให้อัยการ ผู้เสียหายสามารถร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในบางข้อหา หรือดำเนินการฟ้องร้องด้วยตนเองได้

สำหรับคดีแพ่ง สภาทนายความพร้อมให้การสนับสนุนทนายความในการฟ้องร้องคดีแพ่ง รวมถึงการฟ้องแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งเคยดำเนินการมาแล้วในคดีที่เกี่ยวข้องกับปลานิลแปลงเพศ

ขณะที่ด้านการสอบสวนหาสาเหตุการถล่มของอาคาร นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน (ตามข้อมูลในข่าวต้นฉบับคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ยังคงรอคำตอบว่าเหตุใดอาคาร สตง. เพียงแห่งเดียวที่ถล่มลงมา กรมโยธาธิการและผังเมืองชี้แจงว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 90 วันในการสอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่โปร่งใสและเป็นธรรม

กรมฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน 4 คณะ รวม 22 คน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการถล่ม ขณะนี้คณะกรรมการกำลังจำลองเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วยโมเดล 3 มิติ เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างอาคาร และได้เรียกผู้ออกแบบอาคาร สตง. เข้าให้ข้อมูล หลังเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแบบช่องลิฟต์ที่อาจทำให้โครงสร้างอาคารไม่สมมาตร

เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา นายธีระ วรัตน์ธนสิริ กรรมการและหัวหน้าผู้ออกแบบจากบริษัท Meinhardt (Thailand) Ltd. ยืนยันระหว่างให้ปากคำว่า มีการปรับแบบลดความหนาของผนัง Core Lift ในส่วนของโถงทางเดินจาก 0.30 เมตร เหลือ 0.25 เมตรจริง พร้อมกับเสริมเหล็กตามหลักวิศวกรรมเพื่อคงกำลังรับน้ำหนักไว้ โดยยืนยันว่าการปรับแบบดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *