บุกจับ “แซ็ก” หนีคุก 6 ปี คดีลวงเด็ก 14 ขืนใจบนสันอ่างเก็บน้ำ หลังศาลสั่งจำคุกไม่รอลงอาญา

กรุงเทพฯ – วันที่ 30 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร รอง ผกก.1 บก.ป. ได้ร่วมกันเข้าจับกุม นายสุนทร หรือ แซ็ก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 210/2562 ลงวันที่ 12 กันยายน 2562 ในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพ โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในโกดังแห่งหนึ่ง บนถนนเลียบคลองลำกอไผ่ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานครฯ

การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากคดีเมื่อปี 2560 นายสุนทร หรือ แซ็ก ได้ร่วมงานปาร์ตี้สังสรรค์ริมอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ระหว่างงาน ผู้ต้องหาได้ล่อลวงเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุเพียง 14 ปี ซึ่งมาร่วมงานด้วย ไปขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเล่น และได้พาเด็กหญิงเอไปกระทำชำเราที่บริเวณสันอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นที่ลับตาคน หลังก่อเหตุ นายสุนทร ได้พาเด็กหญิงเอกลับไปส่งที่บ้าน

ต่อมา ผู้ปกครองของเด็กหญิงเอได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงรีบพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับนายสุนทร จนนำไปสู่การจับกุมและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลงโทษปรับและสั่งจำคุก นายสุนทร เป็นเวลา 6 ปี แต่โทษจำคุกดังกล่าวให้รอลงอาญาไว้ก่อน (ภาคทัณฑ์)

อย่างไรก็ตาม อัยการเจ้าของคดีไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาในชั้นศาลชั้นต้น จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อขอให้ศาลลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งพิพากษาให้จำคุก นายสุนทร เป็นเวลา 6 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา แต่เมื่อถึงกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 12 กันยายน 2562 นายสุนทร กลับไม่เดินทางมาตามนัด ศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาลับหลังไป พร้อมทั้งออกหมายจับเพื่อนำตัว นายสุนทร มารับโทษตามคำพิพากษา

นับตั้งแต่วันที่ศาลออกหมายจับ นายสุนทร ได้หลบหนีคดีมาโดยตลอด จนกระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้รับเบาะแสว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ย่านลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร จึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบและสามารถติดตามจับกุมตัว นายสุนทร ได้ในที่สุด

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุนทร ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป