รุด ฟาน นิสเทลรอย เร่ง เลสเตอร์ ชี้ชะตาอนาคตผู้จัดการทีม เตรียมแผนลุยลีกแชมเปียนชิพ
รุด ฟาน นิสเทลรอย ผู้จัดการทีม “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ออกมาแสดงความหวังว่าสโมสรจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตการคุมทีมของเขาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้าในลีกแชมเปียนชิพสามารถเริ่มต้นขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังทีมต้องเผชิญกับการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการแล้ว
สถานการณ์ของทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ และความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 0-1 เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำชะตากรรม ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ มีเพียง 18 คะแนนจากการลงสนาม 33 นัด รั้งอันดับที่ 19 และต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกสู่ลีกแชมเปียนชิพในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอนแล้ว
ภายใต้การคุมทีมของ รุด ฟาน นิสเทลรอย ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งในเวลาต่อมาของฤดูกาล (หลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม) ผลงานของทีมยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร โดยเขาคุมทีมลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไป 20 นัด เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือผลงานในบ้าน ทีมไม่สามารถยิงประตูได้เลยติดต่อกันถึง 9 เกม ทำให้สถานการณ์ของตัวเขาเองในถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ก็มีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า
เมื่อถูกสื่อมวลชนสอบถามถึงอนาคตของตนเอง อดีตกองหน้าระดับตำนานรายนี้ได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมหวังว่าจะรู้ในเร็ววันนี้ ฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นในอีกไม่นานนี้ และการเตรียมตัวจำเป็นต้องเริ่มแล้ว ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี สโมสรจะเดินหน้าต่อไป และเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้สโมสรอยู่ในจุดที่ดีที่สุด”
คำกล่าวของ ฟาน นิสเทลรอย สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการวางแผนสำหรับฤดูกาลใหม่ในลีกรอง ซึ่งมีความแตกต่างทั้งในด้านการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน และการบริหารจัดการทีม การที่สโมสรมีความชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งผู้จัดการทีม จะช่วยให้การเสริมทัพ การปรับปรุงทีม รวมถึงการกำหนดทิศทางการเล่น สามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ก่อนที่ฤดูกาล 202x/202x (หมายเหตุ: ปีฤดูกาลตามจริงเมื่อข่าวนี้เกิดขึ้น) จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะนี้ ทั้งแฟนบอลและนักวิเคราะห์ต่างจับตามองการตัดสินใจของบอร์ดบริหารเลสเตอร์ ซิตี้ ว่าจะมอบความไว้วางใจให้ รุด ฟาน นิสเทลรอย ทำภารกิจพาทีมกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีก หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนเพื่อเริ่มต้นใหม่ในลีกแชมเปียนชิพ การตัดสินใจครั้งนี้จะมีผลอย่างยิ่งต่ออนาคตของสโมสรในระยะยาว