ผบ.ทร. ยันเดินหน้าจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำ ในงบฯ 69 พร้อมแจงความคืบหน้าเรือดำน้ำ รอ ‘ภูมิธรรม’ ตัดสินใจ

สมุทรปราการ – เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงแผนการจัดหาเรือรบของกองทัพเรือ ณ อู่เอเชียนมารีน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ภายหลังเป็นประธานในพิธีปล่อยเรืออุทกศาสตร์ลำใหม่ที่ต่อโดยบริษัทเอกชนในประเทศลงน้ำ

พล.ร.อ.จิรพล กล่าวถึงแนวคิดในการต่อเรือใหม่เพื่อทดแทนเรือเก่าว่า กองทัพเรือให้ความสำคัญกับการใช้อุตสาหกรรมภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการต่อเรือขนาดกลาง ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนไทยมีความสามารถในการต่อเรือประเภทนี้ได้แล้ว และกองทัพเรือมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการต่อเรือขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เรือฟริเกต ได้ในอนาคต

ในส่วนของความคืบหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกตเพิ่มเติมนั้น ผบ.ทร. ระบุว่า กองทัพเรือได้เสนอเรื่องผ่านกระทรวงกลาโหมเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะเห็นชอบ ขั้นตอนต่อไปคือการนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ 2569 กองทัพเรือได้เสนอจัดซื้อเรือฟริเกตจำนวน 2 ลำ ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของกองทัพเรือที่ต้องการจัดหาเรือรบในชั้นเดียวกันมากกว่าหนึ่งลำ เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงและบริหารจัดการระบบต่างๆ ภายในเรือให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน หากจัดหาทีละลำและระบบภายในเรือมีความแตกต่างกัน จะก่อให้เกิดปัญหาในการดูแลรักษา

ผบ.ทร. ยอมรับว่าเรือฟริเกตมีราคาสูง แต่ขณะนี้ถือเป็นความจำเป็นและถึงเวลาที่ต้องจัดหาอย่างน้อย 2 ลำในคราวเดียว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทัพเรือ พร้อมกันนี้ ยังเน้นย้ำถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ และการเจรจาเรื่อง offset policy (นโยบายผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ) กับผู้ขาย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทยและสอดคล้องกับความต้องการของกองทัพเรือ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด

นอกจากนี้ ผบ.ทร. ยังกล่าวชื่นชมท่าทีของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่แสดงความเข้าใจถึงความจำเป็นในการจัดหาเรือฟริเกตเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ และสนับสนุนแนวคิด offset policy โดยเห็นว่าเป็นการเห็นพ้องกันในหลักการ แต่รายละเอียดก็ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา

สำหรับความคืบหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำที่ล่าช้านั้น พล.ร.อ.จิรพล เปิดเผยว่า ข้อมูลที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการทราบจำนวน 2 เรื่อง ได้รับคำตอบครบถ้วนแล้ว เรื่องแรกคือกรณีที่เยอรมนีจะขายเครื่องยนต์ให้ไทยได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบเบื้องต้นตามที่สาธารณชนทราบ ส่วนเรื่องที่สองคือการสอบถามข้อมูลจากประเทศปากีสถานซึ่งใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำที่ผลิตจากจีนแล้ว ซึ่งคำตอบที่ได้ถือเป็นเรื่องที่ดี และทางปากีสถานก็ให้ความร่วมมืออย่างดีในการให้ข้อมูล

ผบ.ทร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในระหว่างการพิจารณาของนายภูมิธรรม ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไป หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ยอมรับว่าในร่างงบประมาณปี 2569 ยังไม่ได้มีการตั้งเรื่องขออนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการเรือดำน้ำ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของสัญญาให้เรียบร้อยก่อน หากสัญญายังไม่ชัดเจนก็คงไม่สามารถตั้งงบประมาณได้

ส่วนกระแสข่าวลือต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย เช่น การยกเลิกโครงการ หรือการโอนเรือดำน้ำให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ผบ.ทร. ยืนยันว่าเป็นเพียงกระแสข่าว ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลโดยตรงจากกองทัพเรือ เนื่องจากข่าวลือในโซเชียลมีเดียมีความหลากหลายและต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล ซึ่งข่าวลือเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำมาเผยแพร่ในช่วงเวลาใด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *