ผบ.ทร. นำกำลังพลกองทัพเรือ วางพวงมาลา ถวายสักการะ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ฯ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา เพื่อถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ซึ่งตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี นับเป็นวันสำคัญของกองทัพเรือไทย
ภายในพิธี มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ ตลอดจนผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้อ่านคำประกาศพระเกียรติคุณ สดุดีพระปรีชาสามารถและพระกรณียกิจอันสำคัญยิ่งต่อการพัฒนากิจการทหารเรือไทยของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จากนั้น ผู้ร่วมพิธีได้ร่วมกันวางพวงมาลาตามลำดับ เพื่อแสดงความเคารพและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อมาในเวลา 10.00 น ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวิหารน้อย ภายในสุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน อุทิศถวายแด่พระองค์ วิหารน้อยแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่บรรจุพระอังคารและพระอัฐิของพระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหลายพระองค์ รวมถึงพระอัฐิของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และยังคงใช้เป็นที่บรรจุอังคารและอัฐิของสมาชิกราชสกุลอาภากรและราชสกุลสุริยงมาจนถึงปัจจุบัน
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 พระองค์ทรงมีความสนพระทัยในกิจการทหารเรือ และได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นต้นแบบของการทหารเรือในสมัยนั้น ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์แรกที่ได้ศึกษาการทหารเรือในต่างประเทศ หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2443 ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ด้วยพระปณิธานที่จะพัฒนากองทัพเรือให้มีความเข้มแข็ง ทรงปฏิรูปและวางรากฐานสำคัญหลายด้าน เช่น การจัดระเบียบราชการ การจัดทำโครงการป้องกันประเทศทางทะเล ซึ่งถือเป็นแผนการทัพฉบับแรก ทรงปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนนายเรือ และริเริ่มการฝึกภาคต่างประเทศเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกลในการเลือกพื้นที่อ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลที่เหมาะสม จึงทรงขอพระราชทานที่ดินดังกล่าวเพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางทะเลของไทยมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยพระกรณียกิจและพระปรีชาสามารถอันโดดเด่นด้านการทหารเรือนี้เอง ทำให้พระองค์ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย”
ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาสามารถในหลากหลายด้าน ทรงศึกษาและค้นคว้าตำราแพทย์แผนไทย ทรงรวบรวมตำรับยาโบราณด้วยลายพระหัตถ์ และทรงให้การรักษาพยาบาลราษฎรโดยไม่เลือกชั้นวรรณะจนเป็นที่รู้จักในนาม “หมอพร” พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะ ดังปรากฏในภาพลายไทยที่ผนังโบสถ์วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และทรงพระนิพนธ์บทเพลงทหารเรือที่มีเนื้อหาปลุกใจ ปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคี ซึ่งยังคงเป็นบทเพลงสำคัญของทหารเรือไทยมาจนถึงทุกวันนี้.