กรมชลฯ เดินหน้าจ้างแรงงานทะลุ 5.2 หมื่นคน ช่วยเกษตรกรมีรายได้ บรรเทาความเดือดร้อน ยังเปิดรับต่อเนื่อง
กรมชลประทานเดินหน้าโครงการจ้างแรงงานชลประทานตามนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน ล่าสุดยอดจ้างงานทะลุกว่า 52,000 คน ทั่วประเทศ คิดเป็นกว่าร้อยละ 61 ของเป้าหมายปีงบประมาณ 2568 ยังคงเปิดรับสมัครต่อเนื่อง ชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สร้างรายได้ทดแทน
กรุงเทพฯ – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายสำคัญในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ด้วยการสร้างรายได้เสริมผ่านการจ้างงานในระบบชลประทาน ล่าสุด กรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการและรายงานความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง
นายสุริยพล นุชองนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงความก้าวหน้าของโครงการจ้างแรงงานชลประทานในสังกัดกรมชลประทาน ประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินโครงการนี้ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายการจ้างแรงงานรวมทั้งสิ้น 84,716 คน ระยะเวลาการจ้างงานรวม 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึง 30 กันยายน 2568 เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการมีรายได้เสริมอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน โครงการมีความคืบหน้าไปมาก โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าได้มีการจ้างแรงงานทั่วประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 52,394 คน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 61.84 ของเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีจากประชาชนและการทำงานเชิงรุกของหน่วยงานในพื้นที่
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับจังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรกในขณะนี้ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีการจ้างงานจำนวน 3,889 คน ตามมาด้วยจังหวัดสกลนคร มีการจ้างงานจำนวน 3,186 คน และจังหวัดเชียงใหม่ มีการจ้างงานจำนวน 2,663 คน
นายสุริยพล นุชองนงค์ ย้ำว่า กรมชลประทานยังคงเดินหน้ารับสมัครและจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ 84,716 คน เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปที่กำลังมองหาโอกาสในการทำงานและต้องการสร้างรายได้เสริม เข้าร่วมโครงการจ้างแรงงานชลประทาน
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่โครงการชลประทานในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วนกรมชลประทาน หมายเลข 1460 ซึ่งพร้อมให้บริการข้อมูลตลอดเวลาทำการ
การดำเนินโครงการนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจระดับฐานรากให้กับประเทศ.