ปทุมธานี – ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญกรณี น.ส.ณัฐทิชา หรือ ‘น้องแตงโม’ อายุ 17 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตหลังออกจากร้านหมูกระทะกับแฟนหนุ่มและเพื่อน ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ล่าสุด ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีได้ประกาศตั้งรางวัลนำจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ ‘น้องแตงโม’ พร้อมแฟนหนุ่มและเพื่อนรวม 5 คน ได้เดินทางไปนั่งรับประทานหมูกระทะที่ร้านแห่งหนึ่งในย่านคลองสอง ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หลังจากรับประทานเสร็จและกำลังเดินทางกลับบ้าน ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่านั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเคียงในร้าน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมาและใช้อาวุธปืนยิงใส่ เป็นเหตุให้ ‘น้องแตงโม’ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคูคต ได้ทำการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียด เพื่อติดตามหาตัวคนร้าย จนกระทั่งทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายสปาย อายุ 23 ปี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับในเวลาต่อมา

ล่าสุด พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดี โดยได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนในการติดตามจับกุม นายสปาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยได้ตั้งรางวัลนำจับเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท สำหรับผู้ที่พบเห็นหรือมีข้อมูลเบาะแสสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้

พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายคดีและสร้างความยุติธรรมให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงขอให้ประชาชนที่อาจพบเห็น นายสปาย หรือมีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการหลบหนี โปรดอย่าลังเลที่จะแจ้งเบาะแส

สำหรับผู้ที่พบเห็นหรือมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับ นายสปาย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ พ.ต.อ.หฤษฏ์ คำจุมพล ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี หมายเลขโทรศัพท์ 084-648-5555 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะเก็บรักษาข้อมูลของผู้แจ้งไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ให้เบาะแส

คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจและมีผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชนวัยเพียง 17 ปี การตั้งรางวัลนำจับในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่ทราบข้อมูลกล้าที่จะให้เบาะแสมากขึ้น เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด