ร้านอาหารวิกฤต! ประธานชมรมฯ วิงวอนรัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วย หลังยอดขายดิ่งเกินครึ่ง ส่อปิดกิจการระนาว

สภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังคงซบเซาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจร้านอาหารทั่วประเทศ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ โดยล่าสุดนายสรเทพ สตีฟ ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทล (ประเทศไทย) ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

นายสรเทพกล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจร้านอาหารกำลังเผชิญกับภาวะสาหัส การท่องเที่ยวซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญและเป็นความหวังสุดท้าย กลับติดๆ ดับๆ ส่งผลกระทบโดยตรงถึงร้านอาหารหลายแห่งต้องแจ้งปิดกิจการ หรือไม่ก็ประสบปัญหายอดขายและกำไรหดหายไปกว่า 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจและส่งสัญญาณวิกฤต

ประธานชมรมฯ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐว่ามีความล่าช้าเกินไปและไม่ทันต่อสถานการณ์ ยกตัวอย่างโครงการช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยวที่กว่าจะสรุปรายละเอียดก็ใกล้จะหมดไตรมาสแรกของปี 2568 ทั้งที่ควรจะออกมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เพื่อพยุงกำลังซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณไม่ดี ทำให้เมื่อมาตรการออกมา ประชาชนส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะใช้จ่ายหรือเดินทางท่องเที่ยวแล้ว

ด้วยสถานการณ์ที่วิกฤตนี้ ทางชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารจึงขอวิงวอนไปยังนายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้เร่งพิจารณาและออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อประคองภาคธุรกิจร้านอาหารและเศรษฐกิจโดยรวม ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้ โดยได้เสนอ 5 แนวทางสำคัญ ได้แก่:

  1. เร่งใช้เงินแจกรอบใหม่ในโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ต่อเนื่อง 6 เดือน: เสนอให้นำเงินที่เตรียมไว้สำหรับแจกรอบที่ 3 มาใช้ในโครงการคนละครึ่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหารประจำวันให้กับประชาชน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับร้านอาหารทุกประเภท ตั้งแต่ร้านริมทางไปจนถึงร้านขนาดใหญ่
  2. ออกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าอาหาร: ให้ลูกค้าบุคคลธรรมดาสามารถนำใบกำกับภาษีจากร้านอาหารไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อคน และนิติบุคคลลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปีถัดไป มาตรการนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณภาครัฐ แต่กลับช่วยกระตุ้นการออกใบกำกับภาษีและนำรายได้ภาษีกลับเข้าคลังได้อีกด้วย
  3. ควบคุมราคาพลังงานและวัตถุดิบ: ขอให้ภาครัฐเข้าดูแลและควบคุมราคาค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาวัตถุดิบอาหาร เช่น พืชผัก ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นมากในช่วงหน้าแล้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
  4. ลดเงินสมทบประกันสังคมนายจ้างชั่วคราว: เสนอให้ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยลดเงินสมทบประกันสังคมส่วนของนายจ้างลงครึ่งหนึ่ง จนถึงสิ้นปี 2568
  5. วางแผนกระตุ้นท่องเที่ยวระยะสั้นและยาว: เร่งวางแผนระยะสั้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาอย่างมีประสิทธิภาพ และวางแผนระยะยาวแบบบูรณาการ 15 ปี เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เน้นเพียงการจัดอีเว้นท์ตามฤดูกาลงบประมาณเท่านั้น

นายสรเทพเน้นย้ำว่า สถานการณ์ปัจจุบันของภาคธุรกิจร้านอาหารอยู่ในขั้นวิกฤต จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างจริงจังและทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดกิจการครั้งใหญ่และส่งผลกระทบต่อลูกจ้างจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *