ความคืบหน้าการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างถล่ม เข้าสู่วันที่ 17 เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กองทัพบก กองทัพอากาศ ตำรวจพลร่ม รวมถึงอาสาสมัครจากมูลนิธิต่างๆ กระจายกำลังทำลายสิ่งกีดขวางในซากตึกทุกโซนพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณโซนบีและโซนซีด้วยเครื่องจักรกลหนัก สลับกับทีมค้นหาเดินเท้าหาร่างผู้เสียชีวิต ตลอดทั้งคืนวันที่ 12 เม.ย. ต่อเนื่องเวลา 08.00 น.วันที่ 13 เม.ย. แต่ยังไม่พบสัญญาณผู้รอดชีวิตเพิ่ม พบแต่ชิ้นส่วนอวัยวะผู้เสียชีวิต อาทิ ท่อนแขน ท่อนขา ชิ้นส่วนกระดูก ฯลฯ กระจัดกระจายหลายจุดบริเวณพื้นที่เชื่อมต่อโซนเอ บี และซี

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาประมาณ 23.01 น.วันที่ 12 เม.ย. ต่อเนื่องเวลา 00.23 น. วันที่ 13 เม.ย. บริเวณโซนบี เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิต ไม่ทราบ เพศได้ 1 ร่าง และร่างผู้เสียชีวิตเพศชายอีก 1 ร่างตามลำดับ ต่อมาเจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วน อวัยวะทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจ พิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 07.00 น. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กลาง (พฐก.) กรมโยธาธิการและผังเมือง และพนักงาน สอบสวน สน.บางซื่อ เข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐาน อาทิ เหล็ก และปูนซีเมนต์เพิ่มเติม เพื่อนำไปตรวจสอบ ประกอบสำนวนคดี

ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้เข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทางดีเอสไอยังคงต้องเข้าพื้นที่หน้างานอย่างต่อเนื่อง การทำงานของดีเอสไอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เก็บหลักฐานและส่วนงานสอบสวน โดยงานสอบสวนนั้นมีความคืบหน้าไปมาก มีการนัดหมายผู้ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี ให้เข้ามาให้ข้อมูลวันที่ 18 เม.ย. ถึงวันที่ 15 พ.ค. โดยจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัทที่ร่วมประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. เบื้องต้นจากเส้นทางการเงินพบว่า ปลายทางมีการโอนไปถึง 2 บุคคลชาวจีน ขณะนี้ดีเอสไอมีข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้