ระยอง – เกิดเหตุการณ์อุกอาจขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เมื่อมีคนร้ายชายบุกเดี่ยวเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำจากร้านทอง แต่สุดท้ายกลับไปไม่รอดเพราะพลาดท่าขณะหลบหนี.

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ที่ร้านตำหนักทอง 5 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้า โดยคนร้ายได้ชิงสร้อยคอทองคำไปทั้งสิ้น 10 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 50 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท.

หลังก่อเหตุ คนร้ายพยายามวิ่งหลบหนี แต่ด้วยความรีบร้อนและไม่ดูตาม้าตาเรือ กลับวิ่งไปลงที่บริเวณบันไดเลื่อนที่เป็นทางขึ้น ทำให้เสียหลักและถูกพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือกันจับกุมตัวไว้ได้ โดยคนร้ายถูกควบคุมตัวในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีรอยช้ำและรอยแตกบริเวณใบหน้า.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง นำโดย ร.ต.อ.กวีวุฒิ บุญเรือง รองสารวัตร (สอบสวน) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภูมมินทร์ สิงหสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผู้กำกับการ สภ.เมืองระยอง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีที่ได้รับแจ้ง พบพลเมืองดีกำลังควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้.

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายณัฐพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ซึ่งให้การอ้างว่า ตนเองทำงานเป็นคนคัดทุเรียน และก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มภายในห้างฯ แต่เงินไม่ออก จึงตัดสินใจก่อเหตุชิงทอง.

พนักงานร้านทองให้การว่า คนร้ายได้เดินเข้ามาทำทีขอดูสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เมื่อพนักงานหยิบถาดให้ดู คนร้ายก็ทำทีเดินออกไปโทรศัพท์หน้าร้าน ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่ และอาศัยจังหวะที่พนักงานเผลอ กระชากสร้อยคอทองคำในถาดไปถึง 10 เส้น น้ำหนักรวม 50 บาท แล้ววิ่งหนีไปทันที.

ด้าน นายวินัย มาสวัสดิ์ อายุ 52 ปี หนึ่งในพลเมืองดีที่เข้าช่วยจับกุม เล่าว่า ตนเองกำลังพาภรรยามาซื้อทองที่ร้านดังกล่าว เห็นคนร้ายกระชากทองและวิ่งหนีไปต่อหน้า จึงรีบวิ่งตามไป โดยมีไรเดอร์และพลเมืองดีคนอื่นๆ มาช่วยกันจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ที่บริเวณบันไดเลื่อน ซึ่งคนร้ายวิ่งไปผิดทาง.

พล.ต.ต.ภูมมินทร์ สิงหสุด ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวชื่นชมพลเมืองดีที่ช่วยกันจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจ แต่โชคดีที่ได้ความร่วมมือจากประชาชน ทำให้สามารถจับกุมคนร้ายและนำสร้อยคอทองคำทั้ง 10 เส้น น้ำหนัก 50 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท กลับคืนมาได้ครบถ้วน โดยหลังจากนี้จะมีการประสานเพื่อมอบใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติให้กับพลเมืองดีที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะนำตัวนายณัฐพร ผู้ต้องหา ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองระยอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้เพิ่มความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ และยังแสดงให้เห็นถึงพลังของพลเมืองดีในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม.