สธ.ราชบุรี รุดตรวจ รพ.สต.ดัง ใช้ ‘ไฟส่องกบ’ ส่องเตียงทำฟัน หลังเป็นข่าวฮือฮา เตรียมเปลี่ยนอุปกรณ์ทันทีสิ้นเดือนนี้

ราชบุรี – จากกรณีที่เป็นข่าวฮือฮาและถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพและข้อความในกลุ่ม “สวนผึ้ง City” เผยให้เห็นสภาพการทำงานของห้องทำฟันที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งใช้ “ไฟส่องกบ” หรือไฟคาดหัวขนาดเล็ก มาดัดแปลงใช้แทนไฟส่องเตียงทำฟัน ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรฐานการบริการและคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้แจ้งกับผู้มารับบริการว่า ได้ทำเรื่องของบประมาณเพื่อขอเปลี่ยนอุปกรณ์ดังกล่าวไปนานถึง 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรร ทำให้ต้องนำสิ่งของที่มีอยู่และพอจะใช้งานได้มาทดแทน เพื่อให้สามารถบริการคนไข้ต่อไปได้ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา พญ.ปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ รพ.สต.ตะนาวศรี โดยมีนางกัญชลาภรณ์ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.ตะนาวศรี และนายวรรกร บุษราคัม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้การต้อนรับและนำเข้าเยี่ยมชมห้องทันตกรรม ซึ่งคณะตรวจสอบยังคงพบเห็นอุปกรณ์ “ไฟส่องกบ” ที่เป็นประเด็นข่าว ติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนเตียงทำฟันดังที่ปรากฏในภาพข่าวจริง

ภายหลังการตรวจสอบ พญ.ปาจรีย์ อารีย์รบ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ไฟที่ใช้เป็นเพียงไฟส่องสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกในการมองเห็นเท่านั้น ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคนไข้โดยตรง และจากการประเมินเบื้องต้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางทันตกรรมแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพโดยรวมของยูนิตทันตกรรม หรือชุดเก้าอี้ทำฟันพร้อมอุปกรณ์ พบว่ามีระยะเวลาการใช้งานมานานถึง 10 ปีแล้ว แม้จะมีการซ่อมแซมอุปกรณ์บางส่วนไปบ้าง แต่โดยสภาพแล้วมองว่าถึงเวลาที่ต้องพิจารณาเปลี่ยนอุปกรณ์ยกชุด หรืออย่างน้อยก็ส่วนของโคมไฟส่องสว่าง

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาของยูนิตทันตกรรมสำหรับทันตแพทย์โดยเฉพาะจะมีราคาสูงประมาณ 4 แสนบาท แต่สำหรับ รพ.สต. ซึ่งเป็นหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ ชุดที่พอทำงานได้จะมีราคาประมาณกว่า 3 แสนบาท ส่วนโคมไฟส่องสว่างทั้งเซ็ตจะมีงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาท

จากการพิจารณาแล้ว เห็นว่าส่วนของโคมไฟนั้นสามารถซ่อมแซมได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะชำรุดเสียหายได้อีกในอนาคต ดังนั้น ทางจังหวัดจึงมองว่าแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ หรือเปลี่ยนยูนิตทันตกรรมที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่ามาใช้ทดแทนไปก่อน

พญ.ปาจรีย์ ระบุว่า ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการหาทางออก โดยอาจจะพิจารณานำยูนิตทันตกรรมจากหน่วยงานอื่นในจังหวัดที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3-4 ปี มาเปลี่ยนสลับให้ รพ.สต.ตะนาวศรี ได้ใช้งานไปพลางก่อน หากดำเนินการได้ จะประสานช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้โดยเร็วที่สุด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ โดยไม่ต้องรอการจัดสรรงบประมาณตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งอาจต้องใช้เวลา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *