กรุงเทพฯ – สมุทรสาคร / จากกรณีเกิดเหตุก้อนปูนขนาดใหญ่หล่นจากสะพานบนถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ ใส่รถกระบะที่กำลังสัญจร ทำให้กระจกหน้ารถแตกเสียหาย และคนขับได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนผู้ใช้เส้นทางอีกครั้ง แต่ล่าสุด แขวงทางหลวงสมุทรสาคร ได้ออกมาชี้แจงถึงที่มาของก้อนปูนดังกล่าวแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ได้มาจากสะพานใหม่ที่กำลังก่อสร้าง แต่มาจากโครงสร้างสะพานเก่าที่อาจเกิดการชำรุด พร้อมแสดงความเสียใจและเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (29 เม.ย. 2568) บนช่องทางหลัก (ช่องทางด่วน) ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ บริเวณ กม.27+500 ซึ่งเป็นช่วงของสะพานต่างระดับตัวเก่าที่เชื่อมต่อระหว่างกระทุ่มแบนกับตัวเมืองมหาชัย ก้อนปูนได้หล่นลงมาถูกรถยนต์กระบะคันหนึ่ง ทำให้คนขับได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

ภายหลังเกิดเหตุการณ์ นายธนสาร สิทธาภา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและที่มาของก้อนปูน พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อร่วมตรวจสอบรถยนต์ที่เสียหายและก้อนปูนที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาดูแลเยียวยาผู้เสียหาย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ คาดว่าก้อนปูนที่ตกลงมาน่าจะมาจากใต้ท้องสะพานเก่าที่เกิดการชำรุด สึกกร่อน หรือกะเทาะออก ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีจุดอื่น ๆ ที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะต้องเร่งทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย

นายธนสาร สิทธาภา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร กล่าวยืนยันว่า สะพานที่เกิดเหตุเป็นสะพานต่างระดับมหาชัย – กระทุ่มแบน ฝั่งจากกระทุ่มแบนเข้าสู่ตัวเมืองมหาชัย ซึ่งเป็นสะพานตัวเก่า ไม่ใช่โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 (M 82) ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยสาเหตุน่าจะมาจากแผ่นปูนใต้ท้องสะพานที่กะเทาะหลุดร่วงลงมาทำให้รถยนต์และคนขับได้รับความเสียหาย

ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน พร้อมยอมรับว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดการหลุดร่วงลงมาได้ แม้ที่ผ่านมาจะมีการพยายามตรวจสอบความปลอดภัยของสะพานมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม

นายธนสาร ยังเน้นย้ำว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสภาพสะพานเก่าในบริเวณดังกล่าวและจุดอื่น ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงเสียหายและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาราม (สมุทรสาคร) ทางแขวงทางหลวงฯ จะเร่งรวบรวมหลักฐานและเข้าพูดคุยเพื่อดำเนินการตามกระบวนการเยียวยาดูแลผู้เสียหายอย่างเต็มที่ต่อไป