ชุดไตรเทพพิทักษ์ บุกทลาย “อาณาจักรเมียนมา” กลางมหาชัย พบแรงงาน 150 ชีวิต คาโกดังเก่า เจอยาเสพติด อาวุธสงคราม เตรียมสั่งปิดถาวร
สมุทรสาคร / ชุดปฏิบัติการ “ไตรเทพพิทักษ์” กระทรวงแรงงาน สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย บุกเข้าตรวจค้นโกดังเก่ากลางเมืองมหาชัย ที่ถูกดัดแปลงเป็นแหล่งมั่วสุมขนาดใหญ่คล้ายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สำหรับแรงงานเมียนมา พบแรงงานต่างด้าวประมาณ 150 ชีวิต พร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก อาวุธสงคราม และอุปกรณ์การพนัน ผู้ว่าฯ สมุทรสาครเตรียมสั่งปิดสถานที่ถาวร
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ภายใต้การอำนวยการของนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และนายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ “ไตรเทพพิทักษ์” ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการฯ เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 200 นาย เข้าปฏิบัติการตรวจสอบสถานประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะคล้ายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งแอบเปิดให้บริการในพื้นที่ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร โดยใช้โกดังเก่าเป็นที่อำพราง
แหล่งมั่วสุมแห่งนี้ถูกจัดให้มีบริการหลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว ทั้งผับ บาร์ คาราโอเกะ คิดค่าบริการชั่วโมงละ 250 บาท มีโปรโมชั่นเข้า 2 ชั่วโมงแถม 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีบริการห้อง VIP ที่เปิดให้มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดได้
จากการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้พบยาเสพติดประเภทยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) จำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ตามซอกหลืบต่างๆ รวมถึงในเก้าอี้โซฟา และผู้ครอบครองบางส่วนได้ยอมรับว่าเป็นของตนเอง นอกจากนี้ยังพบอาวุธสงครามพร้อมลูกกระสุนปืนอยู่ภายในอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบเพื่อหาที่มาต่อไป และยังพบการลักลอบเปิดให้เล่นการพนันบางประเภท เช่น สนุกเกอร์ โดยผิดกฎหมาย
นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจไตรเทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทาง 1506 ต่อ 2 และเพจของชุดไตรเทพพิทักษ์ เกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและเป็นแหล่งมั่วสุม จึงได้มีการส่งสายข่าวเข้าแฝงตัวสืบสวนนานหลายเดือน ก่อนจะนำมาสู่การวางแผนบูรณาการกำลังเข้าตรวจค้น โดยหลักๆ ที่ชุดกระทรวงแรงงานเข้าตรวจคือเรื่องการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นในส่วนของร้านอาหาร พบว่ามีแรงงานบางส่วนมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่ยังมีบุคคลที่พักอาศัยอยู่ภายในโกดังประมาณ 150 คน ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยมอบหมายให้ ตม.สมุทรสาคร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวเสริมว่า การบูรณาการร่วมกันของทุกฝ่ายครั้งนี้ พบความผิดชัดเจนคือ การเปิดดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึงการขออนุญาตใช้อาคารสถานที่ การเปิดร้านอาหาร การให้บริการคล้ายผับ บาร์ คาราโอเกะ และการจำหน่ายสุรา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริการแรงงานชาวเมียนมาเป็นหลัก ซึ่งต้องตรวจสอบเอกสารและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ อุปกรณ์สนุกเกอร์และอื่นๆ ที่พบ อาจเข้าข่ายการพนัน จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายนริศ ย้ำว่า พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในตำบลท่าจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายปกครองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ แต่เนื่องจากลักษณะภายนอกคล้ายโกดังให้เช่า มีรั้วรอบขอบชิด ทำให้ยากต่อการตรวจพบการกระทำผิดที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่เมื่อเข้าปฏิบัติการในวันนี้ก็พบการลักลอบกระทำความผิดอย่างชัดเจน จึงต้องดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลสถานที่ ผู้เช่าชาวเมียนมา หรือคนไทยที่เป็นผู้ให้เช่าสถานที่
สำหรับการพบยาเสพติดจำนวนมากที่ซุกซ่อนในห้องคาราโอเกะนั้น ชี้ให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่แหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติด แต่ยังอาจเชื่อมโยงกับการจำหน่ายยาเสพติดด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงมีคำสั่งให้ปิดสถานที่แห่งนี้ตามกฎหมาย และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีต่อไป ถือเป็นการดำเนินการตามนโยบายจัดระเบียบสังคมของจังหวัด และนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ประชาชนอยู่ในสังคมที่สงบสุขปลอดภัย