รายงานข่าวเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ระบุถึงความคืบหน้าการควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งถล่มลงมา เพื่อนำไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดาในช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 17 รายที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ มีชื่อของนายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการบริหารผู้มีอำนาจลงนามบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วย

เดิมที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้เตรียมรถตู้ทั้งหมด 3 คัน เพื่อใช้ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางจาก สน.บางซื่อ ไปยังศาลอาญารัชดา

อย่างไรก็ตาม ขณะเตรียมการควบคุมตัว คนใกล้ชิดและพยาบาลส่วนตัวของนายเปรมชัย ได้เข้ามาสังเกตการณ์และตรวจสอบที่นั่งภายในรถตู้ที่จัดเตรียมไว้ และได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายเปรมชัยมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ทำให้ที่นั่งและเบาะในรถตู้มีขนาดคับแคบ ไม่สะดวกสบายในการเคลื่อนไหวและเดินทาง

ด้วยเหตุนี้ ทางฝ่ายนายเปรมชัยจึงได้มีการร้องขอและสอบถามความเป็นไปได้ในการเดินทางไปยังศาลด้วยรถยนต์ส่วนตัวแทนรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แต่ทางด้าน พันตำรวจเอก สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สน.บางซื่อ ได้พิจารณาตามระเบียบการควบคุมตัว และยืนยันที่จะไม่อนุญาตให้นายเปรมชัยใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางไปยังศาล

แทนที่จะใช้รถตู้หรือรถส่วนตัว พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ได้สั่งการให้จัดรถกระบะของทางราชการมาใช้ในการควบคุมตัวนายเปรมชัยแทน โดยให้นายเปรมชัยนั่งที่บริเวณเบาะด้านหน้าของรถกระบะ

เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงเหตุผลในการจัดรถกระบะแทนรถตู้ว่า เบาะที่นั่งด้านหน้าของรถกระบะมีพื้นที่กว้างขวางมากกว่าเบาะนั่งในรถตู้ ซึ่งน่าจะช่วยให้นายเปรมชัยได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมากกว่าเดิม

ในการควบคุมตัวนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 2 นายคอยนั่งประกบดูแลนายเปรมชัยไปตลอดการเดินทางไปยังศาล เพื่อป้องกันการหลบหนีและรักษาความปลอดภัย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตเป็นพิเศษให้เพียงพยาบาลส่วนตัวของนายเปรมชัย สามารถร่วมเดินทางไปพร้อมกับนายเปรมชัยในรถกระบะคันดังกล่าวได้

ก่อนหน้านี้ นายเปรมชัยได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในคดีนี้ โดยมีภาพปรากฏขณะนั่งรถเข็น หรือ วีลแชร์ เข้ามาในพื้นที่สถานีตำรวจ

คดีอาคาร สตง. ถล่ม เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง หลังเกิดเหตุอาคารถล่มระหว่างการรื้อถอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย และนำมาสู่การสอบสวนและออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องรวม 17 คน ซึ่งรวมถึงนายเปรมชัย กรรณสูต ในฐานะผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทที่รับผิดชอบโครงการ