สาวท้อง 7 เดือน รับสารภาพ โมโหหึง ทำร้ายคู่กรณีดับคาห้องพัก ตำรวจไม่ค้านประกันตัว
หญิงสาวตั้งครรภ์ 7 เดือน เข้ามอบตัวและรับสารภาพกับตำรวจ สน.มีนบุรี หลังก่อเหตุทำร้ายคู่กรณีที่เป็นหญิงอีกคนซึ่งอยู่กับสามีในรีสอร์ต จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิต โดยพนักงานสอบสวนไม่ค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากผู้ต้องหามามอบตัวเองและอยู่ในสภาพใกล้คลอด ขณะที่เพื่อนรุ่นพี่ยืนยันผู้ต้องหาและสามียังไม่เลิกกัน และเตรียมพาผู้ต้องหาไปขอขมาศพหากได้รับการประกันตัว
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกันภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง จนมีผู้เสียชีวิต และต่อมาได้ควบคุมตัวหญิงสาวอายุ 27 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน ผู้ก่อเหตุไว้ได้ ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากพบว่าสามีอยู่กับหญิงสาวผู้เสียชีวิตในห้องพัก ทำให้เกิดความโกรธแค้นและบันดาลโทสะ ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้นำตัวหญิงสาวผู้ต้องหา อายุ 27 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ 7 เดือน ไปขออำนาจศาลอาญามีนบุรีเพื่อฝากขังเป็นผัดแรก โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัวเองและมีสภาพครรภ์แก่ใกล้คลอด ซึ่งต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ด้านเพื่อนรุ่นพี่ของหญิงสาวผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หญิงสาวผู้ต้องหาและสามียังไม่ได้เลิกรากันอย่างเป็นทางการ และน้องสาว (ผู้ต้องหา) พยายามบอกให้ทั้งฝ่ายชายและผู้เสียชีวิตยุติการติดต่อกัน ยืนยันว่าน้องสาวไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ร้ายหรือชอบใช้ความรุนแรง ก่อนหน้านี้มักจะเป็นฝ่ายชายที่ทำร้ายร่างกาย โดยที่ผ่านมาทั้งคู่มีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้ง
รุ่นพี่ยังกล่าวแสดงความเสียใจแทนหญิงสาวผู้ต้องหา และอยากขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวว่า หากศาลอนุญาตให้ประกันตัว จะพาน้องสาวไปกราบขอขมาต่อหน้าศพของผู้เสียชีวิต เนื่องจากขณะเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา พบว่ามีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทานอาหารไม่ได้ เอาแต่พูดคำว่าขอโทษ แสดงให้เห็นว่าสำนึกผิดแล้ว
พันตำรวจเอก สมโภช ทองมูล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าสาเหตุเกิดจากความโกรธแค้น เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจ จึงทำให้ขาดสติยั้งคิด ขณะที่อยู่ในห้องควบคุม ผู้ต้องหาร้องไห้ตลอดเวลา และแสดงความประสงค์อยากกลับบ้าน ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สิบเวรหน้าห้องควบคุมคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด สำหรับประเด็นที่ปรากฏภาพคล้ายผู้ต้องหาถืออาวุธคล้ายกรรไกรนั้น ได้สอบถามแล้ว ผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้ใช้อาวุธดังกล่าวในการก่อเหตุทำร้ายผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
พันตำรวจเอกสมโภช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของฝ่ายชาย ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยอ้างว่าที่หลบอยู่ในห้องขณะเกิดเหตุนั้น เป็นเพราะกลัวว่าจะถูกภรรยาของตนเองทำร้าย อย่างไรก็ตาม ในทางคดีถือว่าฝ่ายชายไม่มีความผิด เนื่องจากไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำร้ายผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ยังไม่พบว่าฝ่ายชายเดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาที่ สน.มีนบุรี มีเพียงญาติๆ ของผู้ต้องหาเท่านั้นที่เดินทางมา แต่ได้รับรายงานว่าฝ่ายชายได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิต และได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา
ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิต ได้ออกมายืนยันว่าลูกสาวของตนไม่ใช่เมียน้อย ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และได้เดินทางไปรับศพลูกสาวแล้ว โดยมีรายงานว่าฝ่ายชายได้เดินทางไปกราบเท้าขอขมาต่อหน้าแม่ของผู้เสียชีวิตด้วย